SCN จัดหนักปันผล! ชูยีลด์สูง 5% รับกำไรโต พร้อมเปิดแผนปี 63 รุกโซลาร์รูฟ-“มินบู”เฟส 2

SCN จัดหนักปันผล! ชูยีลด์สูง 5% รับกำไรโต พร้อมเปิดแผนปี 63 รุกโซลาร์รูฟ-"มินบู"เฟส 2


บริษัท สแกน อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCN รายงานกำไรสุทธิประจำปี 2562 สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.2562 มีกำไรสุทธิ 195.90 ล้านบาท ปรับตัวขึ้น 17 ล้านบาท จากปี 2561 มีกำไรสุทธิ 179.16 ล้านบาท

ขณะเดียวกันบริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลงวดดำเนินงานวันที่ 1 ม.ค. 2562 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2562 อัตราการจ่ายปันผลเป็นเงินสด 0.10 บาทต่อหุ้น ขึ้นเครื่องหมายวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 7 พ.ค. 2563 วันที่จ่ายปันผล 25 พ.ค. 2563

โดย ดร.ฤทธี กิจพิพิธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SCN เปิดเผยถึงผลประกอบการปี 2562 ที่ออกมาในระดับสูงถึง 196 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 17 ล้านบาท โดยมีสาเหตุจากการเริ่มรับรู้กำไรจากโครงการมินบูเฟส 1 ขนาดกำลังผลิต 50 เมกกะวัตต์ (MW) ในช่วงไตรมาส 4/2562 ที่ผ่านมา นอกจากนี้บริษัทฯยังได้ดำเนินการจำหน่ายกิจการตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ (Auto Dealer) ยี่ห้อ Mitsubishi ของบริษัทฯจำนวน 2 แห่ง ซึ่งมีการรับรู้เป็นกำไรจากการขายที่ระดับ 86 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯมีอัตรากำไร EBITDA ที่สูงขึ้น เท่ากับ 18% เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ 16% ของปีก่อน

อย่างไรก็ตามสำหรับภาพรวมผลประกอบการในปีนี้คาดว่าจะทรงตัวจากปีก่อน เนื่องจากในปี 2562 บริษัทได้มีการขายธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ซึ่งบันทึกกำไรพิเศษเข้ามาประมาณ 70 ล้านบาท อย่างไรก็ตามในปี 2563 บริษัทยังมีรายได้ทดแทนจากส่วนแบ่งกำไรจากโครงการโรงไฟฟ้ามินบูนประเทศเมียนมาตามสัดส่วนการถือหุ้น 40% ซึ่งโรงไฟฟ้าดังกล่าวได้เริ่มดำเนินการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ในเฟสที่ 1 อย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 27 ก.ย.62 ดังนั้น ในปีนี้จะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรเต็มที่ตลอดปี

นอกจากนี้บริษัทฯจะเดินหน้าเร่งก่อสร้างสำหรับโครงการมินบู เฟส 2 ขนาดกำลังการผลิต 50 เมกกะวัตต์ (MW) ภายในไตรมาส 2/2563 เป็นต้นไป และคาดว่าโครงการจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ทั้ง 4 เฟส ได้ภายในปี 2564 คิดเป็นมูลค่าโครงการรวมทั้งสิ้นเกือบ 10,000 ล้านบาท กำลังการผลิตรวม 220 เมกกะวัตต์ (MW) โดยบริษัทจะรับรู้รายได้ตามสัดส่วนถือหุ้น 40% ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้ผลประกอบการของบริษัทเติบโตอย่างก้าวกระโดดตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นไป

ขณะเดียวกันบริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจโซลาร์รูฟท็อป ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ตั้งแต่ครึ่งแรกของปีนี้ โดยที่ผ่านมาบริษัทฯได้จับมือกับพันธมิตรเพื่อขยายงานทางด้านพลังงานทดแทนโซลาร์รูฟท็อป โดยจัดตั้ง บริษัท สแกน แอดวานซ์ พาวเวอร์ จำกัด เพื่อบุกเบิกตลาดซื้อขายไฟฟ้าภาคเอกชน (Private PPA) ที่ผ่านมาได้ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าภาคเอกชนสัญญาเช่าโครงการโซลาร์รูฟท็อปกับผู้ประกอบการไปแล้วรวมจำนวน 10 เมกกะวัตต์ (MW) และในปี 2563 จะมีการขยายพอร์ตซื้อขายไฟฟ้าภาคเอกชน (Private PPA) อย่างต่อเนื่อง จึงเชื่อว่ากำไรปกติจากการดำเนินงานในปี 63 จะสามารถทรงตัวในระดับสูงเทียบเท่าปี 2562

“เรามั่นใจว่า SCN จะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในทุกๆด้าน โดยเฉพาะผ่านโครงการสำคัญที่บริษัทฯได้ลงทุนมา อย่างโครงการโรงไฟฟ้ามินบูซึ่งคาดว่าจะมีต้นทุนที่ต่ำลงอย่างมีนัยสำคัญ จากสถานการณ์ค่าเงินบาทแข็งและค่าก่อสร้างที่มีแนวโน้มว่าจะต่ำลงอย่างมาก ซึ่งจะส่งผลให้ IRR สูงกว่าที่เราเคยตั้งเป้าไว้ที่ 10% ซึ่งนักลงทุนจะเริ่มเห็นการรับรู้กำไรจากโครงการมินบูตั้งแต่นี้เป็นต้นไป

นอกจากนี้บริษัทฯจะเดินหน้าเร่งก่อสร้างสำหรับ เฟส 2 ภายในไตรมาส 3/2563 และคาดว่าโครงการจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ทั้ง 4 เฟสได้ภายในปี 2564 พร้อมกันนี้ปลายปีที่ผ่านมาบริษัทฯได้จับมือกับพันธมิตร ขยายงานทางด้านพลังงานทดแทนโซลาร์รูฟท็อป เพื่อบุกเบิกตลาดซื้อขายไฟฟ้าภาคเอกชน (Private PPA) ที่ผ่านมาได้ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าภาคเอกชนสัญญาเช่าโครงการโซลาร์รูฟท็อปกับผู้ประกอบการไปแล้วรวมจำนวน 10MW ซึ่งบริษัทฯตั้งเป้าการขยายพอร์ตซื้อขายไฟฟ้าภาคเอกชนให้มีจำนวนรวม 110MW หรือคิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 3,000 ล้านบาทภายใน 4 ปีข้างหน้า” ดร.ฤทธี กล่าวว่า”

ด้านราคาหุ้น SCN ล่าสุด ณ เวลา 10.25 น. อยู่ที่ระดับ 2.10 บาท ปรับตัวขึ้น 0.06 บาท หรือ 2.94% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.36 ล้านบาท

Back to top button