SGP กางแผนปี 63  ยอดขายโตต่อ 6% หลังปี 62 ฟันกำไรเฉียด 1.4 พันลบ.แจกปันผล 0.25 บ./หุ้น

SGP กางแผนปี 63  ยอดขายโตต่อ 6% หลังปี 62 ฟันกำไรเฉียด 1.4 พันลบ.แจกปันผล 0.25 บ./หุ้น


นายศุภชัย วีรบวรพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SGP เปิดเผยว่าผลประกอบการในงวดปี 2562 ของบริษัทฯ และบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นใหญ่ 1,359.92  ล้านบาท เพิ่มขึ้น 488.74 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 56.10% เทียบกับงวดปี 2561 ที่มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่จำนวน 871.18 ล้านบาท

โดยมีรายได้รวม 67,441.80 ล้านบาท ลดลง 1,661.74 ล้านบาท หรือลดลง 2.40%  เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน ที่มีรายได้ 69,103.54 ล้านบาท เป็นผลมาจากราคาเฉลี่ยก๊าซ LPG ในตลาดโลก (CP Saudi Aramco) ที่ลดลงจากปีก่อน โดยราคาก๊าซเฉลี่ยสำหรับปี 2562 อยู่ที่ 438 เหรียญสหรัฐต่อเมตริกตัน ขณะที่ปี 2561 อยู่ที่ 541 เหรียญสหรัฐต่อตัน

อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการตอบแทนผู้ถือหุ้น คณะกรรมการบริษัทฯ  มีมติเสนอผู้ถือหุ้นจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการของปี 2562 ในอัตราหุ้นละ 0.35 บาท คิดเป็นเงินรวมทั้งสิ้น 643.25 ล้านบาทโดยได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลครึ่งปีแรกงวดเดือนมกราคม – มิถุนายน 2562 ไปแล้ว หุ้นละ 0.10 บาท คงเหลือจ่ายเงินปันผลในรอบครึ่งปีหลังงวดเดือนกรกฎาคม– ธันวาคม 2562 หุ้นละ 0.25 บาท

ทั้งนี้การจ่ายเงินปันผลดังกล่าวขึ้นอยู่กับมติของผู้ถือหุ้นในการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2563 กำหนดวัน Record Date วันที่ 4 มีนาคม 2563 และวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 3 มีนาคม 2563 และจ่ายเงินปันผลวันที่ 14 พฤษภาคม 2563

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2563 บริษัทฯ ตั้งเป้าปริมาณการขายก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ไว้ประมาณ 4 ล้านตัน และวางเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 70,000 ล้านบาท หรือเติบโตราว 6% จากปีที่ผ่านมา  จากยอดขายต่างประเทศที่ขยายตัวต่อเนื่องตามความต้องการ LPG ในภูมิภาคเอเชีย ที่คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตสูง โดยบริษัทฯ จะเน้นไปที่ตลาดใหม่ๆที่มีศักยภาพ เช่น ประเทศบังคลาเทศและเวียดนาม

“ปีนี้เราเน้นการขยายตลาดใหม่ต่อเนื่องจากคำสั่งซื้อฐานลูกค้าเดิมและลูกค้ารายใหม่เข้ามาเพิ่ม ซึ่งบริษัทฯ คาดรายได้ปีนี้เติบโตราว 6% จากการขาย LPG ในต่างประเทศ 75% และในประเทศ 25% อีกทั้งเตรียมขยายฐานลูกค้าใหม่ ๆ ต่อเนื่อง

อีกทั้งในส่วนของธุรกิจนอกเหนือจาก LPG อย่างธุรกิจโรงไฟฟ้า ขนาด 230 MW ที่บริษัทถือหุ้นอยู่ในสัดส่วนร้อยละ 41.1 ในพม่า ในปีที่ผ่านมามีปริมาณการผลิตและขายไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้น 20% จากปี 2561 โดยจำหน่ายไฟฟ้า 1.25 ล้าน MW รวมถึงในปี 2563 บริษัทจะรับรู้รายได้จากธุรกิจคลังน้ำมัน ที่บริษัทได้ซื้อกิจการมาในปี 2562 โดยจะมีรายได้ประมาณปีละ 240 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้จากธุรกิจอื่นนอกเหนือจากธุรกิจ LPG และจะช่วยให้ผลการดำเนินงานของบริษัทมีความแข็งแกร่งมากขึ้น” นายศุภชัย กล่าว

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงมองหาโอกาสขยายการลงทุนธุรกิจคลังก๊าซ LPG แห่งใหม่ในต่างประเทศ โดยเฉพาะในแถบประเทศเอเชีย เพื่อขึ้นเป็นผู้ให้บริการด้าน LPG ที่ครอบคลุมภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากมองเห็นความต้องการใช้งาน LPG ที่เพิ่มสูงขึ้นในทุก ๆ ปี ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับการเติบโตของการขนส่งสินค้าและจำนวนประชากรครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น ปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ระหว่างศึกษาและพิจารณาความเป็นไปได้ในการลงทุนธุรกิจคลังก๊าซ LPG ในหลายประเทศ ทั้งประเทศ บังกลาเทศ อินโดนีเซีย และเมียนมา เป็นต้น

Back to top button