โบรกฯแนะสอย TOP หลังราคาร่วงสะท้อนข่าวร้าย คาดมาร์จิ้นฟื้นช่วงครึ่งหลังปี 63

โบรกฯแนะสอย TOP หลังราคาร่วงสะท้อนข่าวร้าย คาดมาร์จิ้นฟื้นช่วงครึ่งหลังปี 63


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการรวบรวมข้อมูลและบทวิเคราะห์ เกี่ยวกับหุ้น บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP หลังในช่วงก่อนหน้านี้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงมาอย่างต่อเนื่อง

ด้าน บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะนำ “ซื้อ” หุ้น TOP หลังราคาหุ้น TOP ปรับตัวลดลงราว 41% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการได้รับประโยชน์จาก IMO2020 ยังคงล่าช้า ขณะที่การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 กระทบความต้องการเชื้อเพลิงอย่างหนักและกดดันมาร์จิ้น จึงปรับลดราคาเป้าหมายลงเป็น 55 บาท (P/B ปี 2563 ที่ 0.9 เท่า, -2.0SD) ปรับลดตัวคูณลงเพื่อสะท้อนมาร์จิ้นอ่อนตัวยืดเยื้อ เนื่องจากการแพร่กระจายของโรคระบาดนอกประเทศจีนยังคงสร้างความกังวลต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นได้สะท้อนรับข่าวร้ายไปแล้ว จึงคาดมาร์จิ้นจะฟื้นตัวเป็นรูปตัว V ในครึ่งปีหลัง โดยราคาปัจจุบันถือว่าน่าสนใจมาก

ทั้งนี้ ได้ปรับลดคาดการณ์กำไรหลักปี 63 เป็น 6.1 พันล้านบาทหรือกำไรต่อหุ้นที่ 3.02 บาท เนื่องจากค่าการกลั่นปี 63 อ่อนตัว (4.0 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เทียบกับ 4.7 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล) และลดคาดการณ์กำไรของอะโรเมติกส์ โดยค่าการกลั่นของ TOP ยังคงถูกกดดันอยู่ที่ 2 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เนื่องจากส่วนต่างราคาน้ำมันดีเซลและน้ำมันอากาศยาน (33% และ 23% ของผลิตภัณฑ์) ลดลง 41% และ 45% เป็น 8.55 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และ 7.6 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

โดยปรับสมมติฐานส่วนต่างราคาน้ำมันดีเซลและน้ำมันอากาศยานในปี 63 ลดลงจาก 17 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เหลือ 14 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เนื่องจากการหยุดชะงักจากผลกระทบของโควิด-19 ยังคงเป็นปัญหาสำหรับครึ่งปีแรก อัตราการใช้กำลังการกลั่นของโรงกลั่นจะอยู่ที่ 110% แต่อะโรเมติกส์จะลดลงเหลือ 70% (เฉลี่ย 80%) เนื่องจากส่วนต่างราคา PX ยังคงอยู่ที่ 200 เหรียญสหรัฐ/ตัน

ส่วนการระบาดของไวรัสส่งผลให้พรีเมี่ยมในตะวันออกกลาง (ME) และอัตราค่าระวางลดลง 1-2 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เนื่องจากความต้องการน้ำมันดิบและการขนส่งที่ลดลง ความต้องการน้ำมันดิบของจีนในเดือน ก.พ. หายไปประมาณ 3-4 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งตะวันออกกลาง เป็นแหล่งผลิตที่ใหญ่ที่สุด ขณะที่ Murban Crude Premium (25% ของผลิตภัณฑ์น้ำมันดิบของ TOP) ปรับตัวลดลงจาก 4.0 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เป็น 2.5 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ปัจจัยบวกนี้น่าจะดำเนินต่อไปในปี 63

ทั้งนี้ หากพิจารณาจากธรรมชาติของไข้หวัดใหญ่ (เป็นตามฤดูกาล) สะท้อนให้เห็นว่าการระบาดจะพุ่งสูงสุดในเดือนมี.ค. และจะยาวนานจนถึงพ.ค.(อากาศอบอุ่น) จึงคาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวของส่วนต่างราคาน้ำมันเป็นรูปตัว V แม้ว่าความต้องการน้ำมันเบนซินที่ลดลงจะเป็นไปอย่างถาวร แต่ความต้องการน้ำมันดีเซลในครึ่งปีหลังจะสูงขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้สเปรดดีเซลขยายตัวแข็งแกร่ง

Back to top button