ขย่มเรือแป๊ะแซะเรือโจร

พูดไว้ไม่ผิด โควิด-19 ช่วยบรรเทาแฟลชม็อบนักศึกษา แต่รัฐบาลที่มีปัญหาประสิทธิภาพต่ำ ความไม่เชื่อมั่นไม่ไว้วางใจสูง ก็เอาตัวไม่รอดอยู่ดี


ทายท้าวิชามาร : ใบตองแห้ง

พูดไว้ไม่ผิด โควิด-19 ช่วยบรรเทาแฟลชม็อบนักศึกษา แต่รัฐบาลที่มีปัญหาประสิทธิภาพต่ำ ความไม่เชื่อมั่นไม่ไว้วางใจสูง ก็เอาตัวไม่รอดอยู่ดี

จากความข้องใจ ไม่พอใจ มาตรการกักตัวคนเดินทางจากต่างประเทศหละหลวม มาจนปัญหาหน้ากากอนามัยขาดแคลน หาซื้อไม่ได้ กระทรวงพาณิชย์เข้าไปควบคุม แต่กลับทำให้โรงพยาบาลขาดแคลน

พอเพจดังแฉตูม คนสนิทผู้ติดตามรัฐมนตรี โพสต์ขายหน้ากาก 200 ล้านชิ้น แม้ฟังดูอาจโม้ไปหน่อย ทำไมต้องโพสต์โชว์เอิกเกริกขนาดนั้น แต่โลกออนไลน์ก็มีภาพยืนยัน ว่าเคยขายให้พ่อค้าจีนจริง ขณะที่คำให้การของรัฐมนตรี กับผู้ติดตาม ก็ไม่ตรงกัน ธรรมนัสอ้างว่าผู้ติดตามแค่ไปพบ “เสี่ยบอย” เพื่อขอซื้อหน้ากากไปแจกประชาชนในพื้นที่ ส่วนผู้ติดตามอ้างว่าไปกินข้าวด้วยกันกับเพื่อนรุ่นน้อง เคยเจอครั้งเดียวเท่านั้น แต่ทำไมเพจเสี่ยบอยเอาบัตรผู้ติดตามรัฐมนตรีไปโชว์หรา

พูดอีกอย่างว่า พยานหลักฐานยังไม่เพียงพอที่จะจับให้มั่นคั้นให้ตาย ธรรมนัสอาจซวยเพราะเสี่ยขี้โม้ก็ได้ แต่ความน่าเชื่อถือของธรรมนัสก็ติดลบไปก่อนหน้านั้น ตั้งแต่ตอบอภิปรายไม่ไว้วางใจ พูดขึงขัง จะให้ประชาชนเชื่อว่าสิ่งที่เขาเกี่ยวข้องในการนำเข้าออสเตรเลียนั้นคือ “แป้ง”

ธรรมนัสก็เลยเป็นเป้า ให้คนในพรรคอย่าง สิระ เจนจาคะ และกลุ่มไลน์พรรคประชาธิปัตย์ โชว์ฟอร์มพระเอก โดยฝ่ายประชาธิปัตย์ซึ่งเคยประกาศว่ามี 17 เสียงไม่ไว้วางใจธรรมนัส ถึงขั้นเรียกร้องให้พรรคถอนตัวจากรัฐบาล

มองขำ ๆ ก็อาจมองได้ว่า ประชาธิปัตย์เจ้าเก่าเอาตัวรอดจากเสียงก่นด่ากระทรวงพาณิชย์ได้อย่างสวยงาม ด้วยการแคปข้อความในกลุ่มไลน์แจกสื่อ

แต่คนไม่ขำกับคำว่า “พายเรือให้โจรนั่ง” คือประยุทธ์ หัวเรือใหญ่ ซึ่งตอบอย่างมีอารมณ์ว่า “ถอนก็ถอนไปสิ” ก่อนกลับมาขอโทษว่าปากไวไปหน่อย แต่ก็ทำให้ ส.. 2 พรรคตอบโต้กันไปมา และตอบโต้กันเองในพรรค ทั้งประชาธิปัตย์ และ พปชร.ที่ซัดกับสิระ

นี่คือภาพสะท้อนความเสื่อมของรัฐบาล ไม่ใช่เรื่องธรรมนัสคนเดียว ย้อนอดีตขำๆ ก็เหมือนครั้งรัฐบาลชวนโดนถล่มกรณี ส.ป.ก.4-01 สุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นเป้า แม้สุดท้ายสุเทพยอมลาออก ก็เอาไม่อยู่ พรรคพลังธรรมถอนตัวจากรัฐบาล แต่จำไม่ได้ว่า ใช้คำว่า “เลิกพายเรือให้โจรนั่ง” หรือเปล่า

ธรรมนัสเป็น “เส้นเลือดใหญ่” ที่คงไม่ถูกปรับออกง่าย ๆ แต่ภายใต้กระแสสังคมที่ไม่เชื่อถือ แม้กระทั่งกองเชียร์ประยุทธ์ ก็ทำใจยอมรับได้ยาก ธรรมนัสจะตกอยู่ในสภาพที่แก้ต่างอย่างไรก็ลำบาก ยิ่งยื้อนานรัฐบาลยิ่งพัง

พรรคประชาธิปัตย์จะไม่ถอนตัวจากรัฐบาล แต่ก็จะเป็นพรรคอกแตก ขัดแย้งกัน และทำงานอย่างไร้ฝีมืออยู่อย่างนี้ จนเมื่อไหร่ที่เห็นว่ารัฐบาลไปไม่รอดแน่ ประชาธิปัตย์ก็จะโดดหนี “เรือโจร” รับบทพระเอกเต็มตัว

ไม่ว่าจะปรับ ครม.หรือไม่ ปรับธรรมนัสหรือไม่ เรือแป๊ะมีแต่จมลง เพราะปัญหาของรัฐบาลไม่ใช่แค่ข้อสงสัยทุจริต แต่เป็นความไร้ประสิทธิภาพ ในการบริหาร ในการตัดสินใจ เช่น “มาตรการสิ้นคิด” จะแจกแสนล้านแต่ตั้งกองทุนบริจาค ก็โดนด่าขรม แล้วพอโดนด่าก็เลิกดื้อ ๆ ทั้งที่ผ่าน ครม.เศรษฐกิจแล้ว หันไปคืนค่ามิเตอร์ไฟแทน

เรือแป๊ะหรือเรือโจร ประชาชนก็เปลี่ยนไม่ได้ เพราะหลังศาลยุบพรรคอนาคตใหม่ รัฐบาลจะดีจะแย่จะเลวอย่างไรก็ผูกขาดอำนาจในสภาไปอีก 3 ปี โดยมี 250 ..อีกต่างหาก

นั่นทำให้มีข่าวลือรัฐประหาร ขำตาย รัฐประหารมา 5 ปี สืบทอดอำนาจโดยใช้ประชาธิปไตยปลอมนักการเมืองยี้ แล้วจะมาโทษนักการเมืองเลว ต้องรัฐประหารอีกที โทษใคร พวกตัวเองทั้งนั้น

Back to top button