6 โบรกฯเคาะ “ซื้อ” ORI ชูเป้าสูง 9 บ. หลังราคาลงลึก ลุ้นเด้งกลับแรง

6 โบรกฯเคาะ "ซื้อ" ORI ชูเป้าสูง 9 บ. หลังราคาลงลึก ลุ้นเด้งกลับแรง


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับบทวิเคราะห์บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI โดยมีนักวิเคราะห์หลายแห่งกำหนดคำแนะนำ “ซื้อ” หลังมองแนวโน้มกำไรในไตรมาส 1/63 จะยังสามารถทำได้ดีระดับ 700-800 ล้านบาท จากเริ่มโอน 2 โครงการคอนโดมิเนียมใหม่ตั้งแต่ต้นปี แต่ในส่วนของการขายได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอตัว และการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ไม่สามารถขายได้อย่างเต็มที่

ขณะเดียวกัน ORI ยังมียอดขายรอโอน (Backlog) รองรับรายได้ในระดับสูง และมีการกระจายพอร์ตธุรกิจไปรุกตลาดแนวราบ และธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำมากขึ้น ทำให้มองว่าหากสถานการณ์ต่าง ๆ คลี่คลายจะเป็นผลบวกต่อการฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจนของราคาหุ้น ORI หลังจากปรับตัวลดลงมาค่อนข้างมากก่อนหน้านี้ และแม้ราคาหุ้นจะปรับขึ้นมาแล้วในระยะสั้น แต่มองว่าราคาหุ้นยังมีอัพไซด์อยู่

ด้านนายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) คาดการณ์แนวโน้มกำไร ORI ในไตรมาส 1/63 จะออกมาในระดับ 700-800 ล้านบาท ต่ำกว่าไตรมาส 4/62 และช่วงเดียวกันของปีก่อน จากภาวะของตลาดอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัวลงมาก ตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอ และผลกระทบจากไวรัสโควิด-19

อย่างไรก็ตาม กำไรในช่วงดังกล่าวนับว่าอยู่ในระดับที่ดี เนื่องจากยังมีการโอนโครงการคอนโดมิเนียมใหม่เข้ามาในช่วงต้นปี 2 โครงการ และโอนโครงการแนวราบเข้ามาเพิ่มขึ้น รวมถึงมีกำไรพิเศษที่มาจากการขายเงินลงทุนในบริษัทร่วมทุนเข้ามาเสริม

ส่วนแนวโน้มในช่วงไตรมาส 2/63 ยังมีความท้าทายค่อนข้างมาก เพราะการระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังไม่คลี่คลาย ทำให้จะเห็นผลกระทบมากขึ้นในช่วงไตรมาสนี้ แต่หากสถานการณ์คลี่คลายได้ภายในไตรมาส 2 นี้ มองว่าจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวของตลาดขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งจะส่งผลบวกต่อการฟื้นตัวของผลงานของบริษัท

ขณะที่ภาพรวมของกำไรในปีนี้มองว่าจะเห็นการปรับตัวลงจากปีก่อนค่อนข้างมากราว 33% มาอยู่ที่กว่า 2 พันล้านบาท แต่มองว่าราคาหุ้นได้ปรับตัวลดลงไปค่อนข้างมากสะท้อนปัจจัยลบดังกล่าวไปแล้วก็มีโอกาสที่ราคาจะปรับขึ้นได้หลังจากนี้

ด้านนายกวี ชูกิจเกษม รองกรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย มองว่า ราคาหุ้น ORI ได้ปรับตัวลดลงมาค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมา รับปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ และภาวะตลาดหุ้นที่ปรับตัวลดลงแรงในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่ราคาหุ้นยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ มาจากแนวโน้มกำไรในไตรมาส 1/63 ที่น่าจะอยู่ในระดับที่ดีกว่า 700 ล้านบาท จากการโอน 2 โครงการคอนโดมิเนียมใหม่ตั้งแต่ต้นปี แม้ว่าการขายอาจจะมีการชะลอตัวไปบ้างจากปัจจัยของภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่เอื้อ และผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้ไม่สามารถทำกิจกรรมการขายได้อย่างเต็มที่

นอกจากนี้ ORI ยังมีปัจจัยหนุนจากการเปิดกว้างรับพันธมิตรใหม่เข้ามาร่วมทุนพัฒนาโครงการ ทำให้ลดความเสี่ยงในการลงทุนลง และใช้เงินลงทุนน้อยลงเมื่อเทียบกับลงทุนพัฒนาเอง พร้อมกับแผนการรุกตลาดแนวราบมากขึ้น ช่วยสนับสนุนการเติบโตระยะกลาง-ยาว

นางสาวนวลพรรณ น้อยรัชชุกร รองผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส มองว่าในช่วงไตรมาส 1/63 ที่ผ่านมาการโอนโครงการทำได้ในระดับที่น่าพอใจในภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งมีการโอนโครงการคอนโดมิเนียมใหม่เข้ามาตั้งแต่ต้นปี 2 โครงการ ทำให้คาดว่ากำไรในไตรมาสแรกนี้จะทำได้กว่า 700 ล้านบาท แต่ในด้านของการขายมองว่าชะลอตัวลงไป เพราะสถานการณ์ของไวรัสโควิด-19 ในปัจจุบันยังไม่คลี่คลาย และคาดว่าจะกระทบมาถึงการขายในไตรมาส 2/63 ที่ยังคงต้องติดตามอย่างเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ORI ถือว่ามี Backlog รองรับรายได้ในอนาคตอยู่ในระดับสูงราว 4 หมื่นล้านบาท ทำให้ยังสามารถมีความมั่นใจถึงรายได้ที่จะเข้ามาในอนาคตเพิ่มเติมได้ ขณะที่ราคาหุ้นของ ORI ในช่วงที่ผ่านมาถือว่าลดลงไปค่อนข้างมาก และเริ่มฟื้นตัวขึ้นมาบ้างในระยะสั้น แต่หากสถานการณ์ต่าง ๆ ฟื้นขึ้นคาดว่าจะส่งผลบวกให้ราคาหุ้นฟื้นตัวได้ชัดเจน ซึ่ง ORI มีการกระจายธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำด้วย ทำให้อนาคตจะค่อย ๆ เห็นรายได้ส่วนนี้เข้ามาเสริมมากขึ้น

Back to top button