เชิญเจ้าสัว=ไร้หัวคิด

พลันที่ประยุทธ์ประกาศขอความช่วยเหลือ 20 เจ้าสัว มาช่วยเยียวยาเศรษฐกิจ โลกออนไลน์ก็ผุด #รัฐบาลขอทาน ขึ้นอันดับหนึ่งเหยียบล้าน แม้วิษณุ เครืองาม แก้ต่างว่าเชิญมาขอคำปรึกษา ไม่ได้เชิญมาขอบริจาค


ทายท้าวิชามาร : ใบตองแห้ง

พลันที่ประยุทธ์ประกาศขอความช่วยเหลือ 20 เจ้าสัว มาช่วยเยียวยาเศรษฐกิจ โลกออนไลน์ก็ผุด #รัฐบาลขอทาน ขึ้นอันดับหนึ่งเหยียบล้าน แม้วิษณุ เครืองาม แก้ต่างว่าเชิญมาขอคำปรึกษา ไม่ได้เชิญมาขอบริจาค

ขณะเดียวกันก็กลายเป็นข่าวฮาโคตร เมื่อพบว่าทักษิณอยู่อันดับ 16 ของเจ้าสัวไทย จนชาวบ้านแซวว่าไม่ต้องเชิญคนอื่นหรอก ปรึกษาทักษิณคนเดียวก็แก้ได้หมด

ครั้นตัดทักษิณออกไป ก็มีชื่อแม่ธนาธร ยังมีหน้าเชิญเขามา? ทั้งที่ระบอบอำนาจนี้ทำกับลูกเขาถึงเพียงนั้น

แค่มูลนิธิไปแจกเงินแจกของชาวบ้าน ก็ยังมีคนของรัฐบาลแกว่งปาก หาว่าหวังผลทางการเมืองในช่วงวิกฤติ วิกฤติจากใคร รัฐเยียวยาไม่ทั่วถึง ไปเที่ยวตำหนิคนแจกของ

เห็นคนแออัดดอนเมือง ก็เตือนได้ว่าให้จัดระยะห่าง แต่ไม่ใช่คาบกฎหมายไปขู่ว่าอาจผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เท่ากับรัฐช่วยประชาชนไม่ได้แล้วไปกีดกันคนอื่น

รัฐบาลจะเชิญ 20 เจ้าสัว ไม่รู้คิดได้ไง ไม่รู้เอาอวัยวะส่วนไหนคิด ไม่รู้หรือว่าจะโดนประชาชนด่า เพราะที่ผ่านมาก็น่าจะรู้ตัวอยู่ว่าโดนครหา “อุ้มคนรวย”

ถ้าอยากขอความเห็น ทำไมต้องฟังเฉพาะอภิมหาเศรษฐี แถมยกให้เป็น “ผู้อาวุโสของสังคม” (เอาราษฎรอาวุโสไปไว้ไหน ทำไมไม่เชิญหมอประเวศบ้าง) ทำไมไม่ฟังทุกฝ่าย เชิญนักเศรษฐศาสตร์ทุกมหาวิทยาลัย TDRI เชิญ SME ภาคประชาสังคม มาสะท้อนปัญหาให้คำแนะนำแต่ละด้าน หรือเชิญพรรคฝ่ายค้าน มาหารือเพื่อร่วมมือกันผ่าน พ.ร.ก.กู้เงิน

ทำไมเชิญเฉพาะอภิมหาเศรษฐี ซึ่งเป็นผู้ได้เปรียบในสังคม หลายคนมีสัญญาสัมปทานกับรัฐ มีส่วนได้ส่วนเสียจากนโยบายรัฐบาล

สมมตินะ สมมติใช้แนวทาง “ทุนประชารัฐ” ให้กลุ่มทุนยักษ์ใหญ่มาออกความเห็น มาเสนอนโยบายในภาคเศรษฐกิจต่าง ๆ แล้วร่วมคิดร่วมทำกับรัฐบาล เช่น เจ้าสัวเกษตรร่วมกำหนดนโยบายช่วยเหลือเกษตรกร ทำงานกับกระทรวงเกษตร กระทรวงพาณิชย์ กลุ่มทุนพลังงานร่วมมือกับสนธิรัตน์ ฯลฯ

ฟังดูสวยหรู แต่คิดหรือว่าสังคมจะยอมรับ กลับจะถูกต่อต้านไปใหญ่

วีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร นักเศรษฐศาสตร์การเมือง มหาวิทยาลัย GRIPS ประเทศญี่ปุ่น เตือนไว้ว่า อย่าให้บาซูก้าเศรษฐกิจกลายพันธุ์ ให้รัฐราชการเอาเงินกู้มหาศาลมาตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ หรือกลายเป็น “บาซูก้าประชารัฐ” ฝากความหวังไว้กับกลุ่มทุนใหญ่ ให้เข้ามาช่วยประชาชนและกิจการขนาดเล็ก ซึ่งจะมีปัญหาความโปร่งใส ซ้ำในระยะต่อไป วิบัติโควิดจะนำไปสู่ปลาใหญ่ไล่กินปลาเล็ก บริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีทุนหนากว่า จะเข้าซื้อกิจการคู่แข่ง

พูดอย่างนี้ไม่ใช่มองเจ้าสัวในแง่เลวร้ายเสียหมด แต่ในเชิงระบบ รัฐบาลไม่ควรจิ้มเลือกคนรวย 20-30 คนไปพบ ในเมื่อองค์กรธุรกิจ หอการค้า สภาอุตสาหกรรม กกร. ก็มีอยู่แล้ว การเลือกเฉพาะบุคคลมีผลสองด้าน คืออาจกลายเป็นเอื้อประโยชน์เฉพาะราย หรือเป็นอย่างที่โลกออนไลน์เข้าใจ #รัฐบาลขอทาน จะให้เขาช่วยรับภาระ

เพราะนายกฯ ใช้ถ้อยคำคาดคั้น “ท่านจะร่วมมือกันกับเราอย่างไร และท่านจะลงมือช่วยเหลือประเทศไทยของเราให้มากขึ้น ได้อย่างไรบ้าง”

มองในด้านเจ้าสัว ทุกคนได้รับผลกระทบ บางรายยิ่งหนัก โดนสั่งปิดห้าง โดนห้ามขายเหล้าเบียร์ ขณะที่ต้องดูแลพนักงาน แล้วก็ทำ CSR บริจาคกันเองอยู่แล้ว

การถูกเรียกมาร่วมมือกับรัฐบาล บางรายก็กระดี๊กระด๊า อวยกันมาตลอดอยู่แล้ว บางรายก็ลำบากใจ ไม่เต็มใจ แต่จะถูกครหาทั้งขึ้นทั้งล่อง ไม่มาก็หาว่าไม่เห็นแก่ประเทศ มาก็จะถูกมองว่ามีผลประโยชน์ตอบแทน

ทำอะไรไม่มีหัวคิด คิดว่าไอเดียเจ๋ง แต่โดนด่าหนักเข้าไปอีก

Back to top button