BCP น้ำมันดิ่งหนัก! กดงบ Q1 ขาดทุน เดินหน้าปรับลดต้นทุน หวังรักษาสภาพคล่อง

BCP น้ำมันดิ่งหนัก! กดงบ Q1 ขาดทุน เดินหน้าปรับลดต้นทุน หวังรักษาสภาพคล่อง


บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2563 มีกำไรสุทธิดังนี้

สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/63 บริษัทมีรายได้จากการขายและการให้บริการรวม 43,070 ล้านบาท ลดลง 14% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และลดลง 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน

นอกจากนี้ด้วยสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงอย่างมาก ทำให้มีการบันทึกขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์ของธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำนวน 1,366 ล้านบาท ส่งผลให้ไตรมาสนี้มีขาดทุนสุทธิรวม 4,316 ล้านบาท โดยเป็นขาดทุนสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่ 4,661 ล้านบาท คิดเป็นขาดทุนต่อหุ้น 3.49 บาท

ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 ที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก เป็นเหตุให้อุปสงค์น้ำมันเชื้อเพลิงทั่วโลกลดลง มีผลต่อราคาน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปที่ปรับตัวลดลง ประกอบกับการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และพันธมิตร ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเรื่องลดการผลิตน้ำมันได้ กดดันราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับลดลงอย่างรุนแรงในช่วงปลายไตรมาส ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยไตรมาส 1/63 อยู่ที่ 50.41 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ลดลง 11.63 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หรือลดลงเกือบ 20% จากไตรมาสก่อนหน้า

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP เปิดเผยว่า ขณะนี้กลุ่มบางจากฯ ได้มีการปรับลดต้นทุน โดยเลื่อนโครงการลงทุนที่ไม่จำเป็นออกไปก่อน พร้อมทั้งหาแนวทางเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด ล่าสุดบริษัทได้ลดงบดำเนินการปี 2563 ลงประมาณ 7 พันล้านบาท จากเดิมตั้งเป้าหมายจะใช้เงินลงทุนประมาณ 2.98 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้หากดูสภาพคล่องทั้งหมด คาดว่าหากยอดใช้น้ำมันยังตกต่ำหลังจากได้รับผลกระทบสถานการณ์โควิด-19 ยังไม่ดีขึ้น บางจากฯ ก็จะอยู่ได้โดยไม่ต้องใช้มาตรการอื่น ๆ เพิ่มเติมอีกกว่า 1 ปี แต่จากที่ทั่วโลกร่วมมือกันหาวัคซีนก็เชื่อว่าสถานการณ์จะดีขึ้นโดยเร็ว

ขณะเดียวกันบริษัทได้ปรับลดกำลังการกลั่นน้ำมันลงแล้วประมาณ 30% ของกำลังการผลิตทั้งหมด เนื่องจากยอดใช้น้ำมันที่ลดลงในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งในส่วนของบางจากฯ ยอดขายเดือนเมษายน 2563 พบว่าลดลงประมาณ 25% แต่ในขณะนี้จากการคลายล็อกดาวน์ยอดใช้น้ำมันก็ได้เริ่มขยับขึ้นมาบ้างแล้ว

อย่างไรก็ตาม การที่รัฐบาลจะปรับลดสำรองน้ำมันดิบตามกฎหมาย 6% ของปริมาณการค้า เหลือเป็น 4% ระยะเวลา 1 ปี และระยะที่ 2 เป็น 5% หลังจาก 1 ปี เป็นต้นไปนั้น ก็จะสามารถช่วยเหลือในด้านการบริหารสภาพคล่องของโรงกลั่นน้ำมันได้บ้าง ซึ่งคงจะเห็นผลในช่วงไตรมาส 2/2563

“บริษัทต้องการบริหารสภาพคล่อง ทั้งในส่วนกำลังผลิต การใช้งบลงทุน ก็ต้องดูจากดีมานด์ ซัพพลาย และประเมินสถานการณ์ในอนาคต เพราะไม่มีใครรู้ว่าโควิด-19 จะดีขึ้นเมื่อใด และราคาน้ำมันจะอยู่ในระดับต่ำไปนานแค่ไหน จึงต้องพร้อมปรับตัวทำธุรกิจหลักให้เตรียมพร้อม ปรับให้แข็งแกร่ง ขณะเดียวกันผู้บริหารให้ความร่วมมือลดเงินเดือนส่วนระดับพนักงานทั่วไปไม่มีการลดเงินเดือนแต่อย่างใด ขณะที่โรงกลั่นน้ำมันได้ลดกำลังกลั่นน้ำมันลงไปแล้ว 30% เพื่อให้สอดคล้องกับยอดขายน้ำมันที่ลดลงจากผลกระทบการระบาดของโควิด-19 โดยเป็นผลมาจากหน่วยงานต่าง ๆ ร่วมโครงการทำงานที่บ้าน เพื่อหยุดเชื้อเพื่อชาติ” นายชัยวัฒน์ กล่าว

โดยก่อนหน้านี้ BCP ประกาศแผนตั้งงบลงทุน 5 ปี (ปี 2563-2567) อยู่ที่ 5 หมื่นล้านบาท สำหรับพัฒนาและขยายธุรกิจ ส่วนใหญ่จะเน้นลงทุนธุรกิจผลิตไฟฟ้าประมาณ 60-70% เนื่องจากเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้อย่างมั่นคง ส่วนที่เหลือจะเป็นการลงทุนธุรกิจอื่น ๆ ทั้งโรงกลั่นน้ำมัน และการตลาดค้าปลีก โดยในปี 2563 ตั้งเป้าหมายจะใช้เงินลงทุนไว้ที่ 2.98 หมื่นล้านบาท ขณะที่ตั้งเป้า EBITDA เติบโต 2.5 เท่า ภายในปี 2567

Back to top button