พาราสาวะถี

วันนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะนำคณะกรรมการศบค.ลงพื้นที่ตรวจห้างสรรพสินค้า เพื่อดูความพร้อมในการรับการผ่อนปรนระยะที่ 2 ที่จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคมนี้ อย่างไรก็ดี เห็นมาตรการที่จะบังคับใช้กับห้างที่จะเปิดแล้วต้องบอกว่าเข้มงวดทั้งในส่วนของผู้ประกอบการและผู้รับบริการจริง ๆ เช่น การจัดให้มีระบบถ่ายเทอากาศภายในอาคารมากกว่า 10 เท่าต่อชั่วโมง หรือ 10 ACH และทำการอบฆ่าเชื้อระบบปรับอากาศส่วนกลางเป็นประจำทุกคืนด้วยรังสี UV


อรชุน

วันนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะนำคณะกรรมการศบค.ลงพื้นที่ตรวจห้างสรรพสินค้า เพื่อดูความพร้อมในการรับการผ่อนปรนระยะที่ 2 ที่จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคมนี้ อย่างไรก็ดี เห็นมาตรการที่จะบังคับใช้กับห้างที่จะเปิดแล้วต้องบอกว่าเข้มงวดทั้งในส่วนของผู้ประกอบการและผู้รับบริการจริง ๆ เช่น การจัดให้มีระบบถ่ายเทอากาศภายในอาคารมากกว่า 10 เท่าต่อชั่วโมง หรือ 10 ACH และทำการอบฆ่าเชื้อระบบปรับอากาศส่วนกลางเป็นประจำทุกคืนด้วยรังสี UV

มาตรการเช่นนี้เป็นมาตรการความปลอดภัยที่เข้มข้นไปอีกขั้นที่จะสามารถช่วยฆ่าเชื้อโรคและถ่ายเทอากาศได้เป็นอย่างดี ขณะที่พนักงานในห้างจะต้องมีการตรวจวัดอุณหภูมิทุก 3 ชั่วโมง ส่วนผู้รับบริการอย่างที่ทราบกันจะมีการจำกัดจำนวนคนเข้าห้างในแต่ละรอบ สามารถใช้บริการได้ไม่เกินรอบละ 2 ชั่วโมง แต่ผู้ที่เข้าไปใช้บริการนั้น จะต้องลงทะเบียน แสดงบัตรประจำตัวประชาชนเพื่อเข้าสู่ระบบเช็กอินเช็กเอาท์ของทุกห้างที่จะต้องมีการจัดระบบดังกล่าวไว้รองรับ

เหล่านี้เพื่อความสะดวกและง่ายต่อกระบวนการสอบสวนโรคของเจ้าหน้าที่กรณีมีผู้ติดเชื้อ คงต้องดูรายละเอียดที่ศบค.จะเคาะกันออกมาวันนี้ แต่ก่อนหน้านั้นเมื่อวันพุธที่ผ่านมามีการประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มี พลเอกสมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติเป็นประธาน พร้อมด้วย พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รองผู้บัญชาการทหารบก กระทรวงสาธารณสุข ฝ่ายความมั่นคงและฝ่ายปกครอง

อย่างที่บอกไว้ว่า อย่างไรเสียการคลายล็อกในเฟสสองจะต้องเกิดขึ้นแน่ เพราะหลังการประชุมที่ใช้เวลานานถึง 6 ชั่วโมง พลเอกณัฐพลก็ยืนยันว่า ส่วนความพร้อมในการเปิดห้างสรรพสินค้านั้น มีความพร้อมดีมากกว่าร้อยละ 80-90 ซึ่งจากการประเมินของหน่วยงานด้านความมั่นคง ห้างสรรพสินค้าเองมีความพร้อมในการเปิดให้บริการ แต่ยังไม่ใช่การเปิดทั้งหมด กรณีการเปิดนั้นคงไม่มีปัญหา แต่น่ารอดูว่าหลังการกลับมารีสตาร์ทธุรกิจกันหนนี้ จะมีกลยุทธ์ทางการตลาดอะไรมาดึงดูดลูกค้าหรือไม่

อย่าลืมเป็นอันขาด ด้วยมาตรการที่เข้มข้นและข้อจำกัดของลูกค้าที่มีมาก ทำให้ผู้ประกอบการจะต้องหาสิ่งจูงใจให้คนเข้าไปจับจ่ายใช้สอย แต่เงื่อนไขของฝ่ายที่ดูแลป้องกันการแพร่ระบาดของโรคก็บอกไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ห้ามจัดโปรโมชั่น ห้ามมีนาทีทองเพื่อเรียกแขก เพราะเมื่อใดก็ตามที่เกิดการแออัดยัดทะนาน เมื่อนั้นจะนำไปสู่การพิจารณาในเรื่องของการสั่งยกเลิกมาตรการผ่อนปรนโดยทันที เชื่อว่าบรรดาเจ้าสัวทั้งหลายคงมีวิธีการที่แยบยล ไม่ทำให้คนที่ปฏิบัติการและกุมอำนาจสั่งการต้องหนักใจอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม คำให้สัมภาษณ์ของรองผู้บัญชาการทหารบกล่าสุด มีประเด็นที่น่าสนใจก็คือ เรื่องของการจัดทำโพล ตนได้เสนอในที่ประชุมให้หน่วยที่ไม่ใช่ทหารเป็นผู้ทำ เนื่องจากหากให้หน่วยงานอื่นทำประชาชนจะเชื่อมากกว่า ซึ่งผลการหารือจะยึดผลสำรวจจากหน่วยงานที่ไม่ใช่ทางทหารมากกว่า ตรงนี้น่าพิจารณา ในสถานการณ์วิกฤตทุกครั้งกองทัพมักจะได้ชื่อว่าเป็นพระเอกขี่ม้าขาวมากอบกู้และได้รับความน่าเชื่อถือจากประชาชนมาโดยตลอด แต่หนนี้กลับไม่ใช่

นั่นเป็นเพราะตลอดระยะเวลาเกือบ 6 ปีที่ผ่านมา ประชาชนได้เรียนรู้แล้วว่า การเข้ามายึดอำนาจของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจนั้น ไม่ได้เพียงแต่จะมาเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองเท่านั้น หากแต่ยังมีวาระซ่อนเร้นอื่น โดยเฉพาะการสร้างรัฐราชการที่ทำให้เห็นแล้วว่า สุดท้าย บนความเดือดร้อนของประชาชนที่ต้องการตัดสินใจแบบนักบริหารมืออาชีพ ผลของการบริหารจัดการนั้นล้มเหลวไม่เป็นท่า พิสูจน์ได้จากเยียวยา 5 พันที่ยังแก้เป็นวัวพันหลักอยู่ในเวลานี้

ขณะเดียวกัน ด้วยการทำสงครามไอโอมาโดยตลอดนับตั้งแต่การยึดอำนาจ จึงทำให้ประชาชนรู้สึกไม่ไว้วางใจ ลำพังแค่ปมแก้ความขัดแย้ง ล่วงเลยมาจนบัดนี้ ไม่มีทีท่าว่าจะแก้ไขได้ มิหนำซ้ำ ยังเป็นไปในลักษณะที่รักษาสภาพความขัดแย้งให้คงอยู่ต่อไปเพื่อความชอบธรรมในการอยู่ในอำนาจของตัวเองและพวกพ้อง ดังนั้น นี่จึงถือเป็นจุดตกต่ำในแง่ความน่าเชื่อถือของฝ่ายที่ควรจะได้รับเสียงชื่มชมจากประชาชนในภาวะวิกฤต

ในสถานการณ์ที่กองทัพเป็นที่พึ่งสำหรับการสร้างความน่าเชื่อถือจากประชาชนไม่ได้ สิ่งที่ท่านผู้นำทำคือการหยิบยกเอาเสียงสนับสนุนของประชาชนผ่านสื่อที่ทำหน้าที่เชลียร์ตัวเอง ยิ่งเป็นการทำให้น้ำหนักความน่าเชื่อถือลดน้อยถอยลงไปอีก เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าประชาชนในยุคโซเชียลมีเดีย ไม่มีใครเชื่อถือข่าวสารที่ปล่อยผ่านกันแบบไร้ที่มา กระบวนการตรวจสอบวันนี้ไม่ได้เป็นหน้าที่แค่สื่อกระแสหลักเท่านั้น หากแต่ภาคประชาสังคมก็ทำหน้าที่กันอย่างแข็งขันกันทีเดียว

มีประเด็นที่ต้องสะกิดท่านผู้นำอย่างแรง ๆ อีกเรื่อง คงเป็นการหลุดคำพูดในวันที่ไปตรวจโรงทานที่วัดระฆังโฆสิตาราม จะด้วยกลอนพาไปหรือบรรยากาศมันให้หรือยังไงไม่ทราบ กับการที่บอกว่าไม่มีรัฐบาลไหนทำได้มาก่อนกับการแจกเงินตรงให้กับประชาชนกว่า 30 ล้านคน ฟังดูมันเหมือนว่าเป็นความน่าภาคภูมิใจและถือเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงสุด ๆ แต่หากคิดให้ถี่ถ้วนแล้ว เรื่องนี้ควรปล่อยให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินเองจะดีกว่า

เพราะหากมีคำถามย้อนกลับมาว่า คงไม่มีรัฐบาลไหนที่จะตั้งหน้าตั้งตากู้ถึงล้านล้านบาทเพื่อมาแจกประชาชน โดยยังไม่รู้ว่าจะหาเงินมาโปะในส่วนที่เป็นหนี้อย่างไร หรือไม่ก็คือ หากเป็นรัฐบาลอื่นคงจะหาวิธีการที่รอบคอบและรัดกุม เพื่อไม่ให้ต้องเกิดภาพของคนไปซดยาเบื่อหนู ปีนรั้วกระทรวงการคลัง ในการทวงถามว่าเหตุใดจึงไม่ได้รับเงินเยียวยา 5 พัน จนกระทั่งต้องมาตั้งโต๊ะรับเรื่องเหมือนแก้ตัวอยู่เช่นทุกวันนี้ นี่น่าจะเป็นความอัปยศอดสูมากกว่าที่จะนำมาโพนทะนา

ยังไม่พูดถึงทัศนคติของผู้บริหารระดับกระทรวงที่เป็นข้าราชการประจำ ซึ่งเหยียดชนชั้นแบ่งวรรณะทำตัวเป็นนายของประชาชน ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจคงรู้อยู่แก่ใจดี ท่ามกลางเสียงชื่นชมต่อการบริหารจัดการการแพร่ระบาดของโควิด-19 เหตุใดรัฐบาลจึงไม่ติดลมบนคนสรรเสริญเยินยอกันทั่วบ้านทั่วเมือง เพราะในดีก็มีเลว ในความยอดเยี่ยมก็ยังมีหลายเรื่องที่ยอดแย่ และดูเหมือนว่าสิ่งที่ท่านผู้นำและคณะเจอก็คืออย่างหลังนี่แหละ

Back to top button