IRPC วอลุ่มแน่น-บวกแรง 6% ลุ้นผลงานไตรมาส 2 ฟื้น-ฟากราคาต่ำบุ๊ก

IRPC วอลุ่มแน่น-บวกแรง 6% ลุ้นผลงานไตรมาส 2 ฟื้น-ฟากราคาต่ำบุ๊ก


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC ณ เวลา  16.10 น.อยู่ทีระดับ 2.90 บาท บวก 0.16 บาท หรือ 5.84% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 536.24 ล้านบาท ขณะที่ราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าหุ้นทางบัญชีที่ระดับ 3.57 บาท

นายนพดล ปิ่นสุภา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทได้มีการปรับแผนระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เพื่อรองรับความผันผวนทางเศรษฐกิจ ทั้งจากสงครามราคาน้ำมันและการระบาดของโควิด-19 โดยในแผนระยะยาว 5 ปี (ปี 2563-2567) คาดว่าจะได้ผลประโยชน์ตอบแทนประมาณ 5,000 ล้านบาท

โดยการปรับแผนระยะยาว อาทิ โครงการปรับปรุงการกลั่นตามมาตรฐานน้ำมันยุโรป (ยูโร 5) ตามแผนจะก่อสร้างเสร็จในปี 2566, การร่วมมือกับบริษัทต่างประเทศปรับประสิทธิภาพการขนส่งด้านน้ำมัน, การขุดลอกร่องน้ำท่าเรือ ทำให้รับเรือขนส่งน้ำมันขนาดใหญ่ขึ้น ลดต้นทุนค่าขนส่งน้ำมันดิบ และการเพิ่มกำลังผลิตของสินค้าที่ได้มูลค่าเพิ่มสูง เพื่อให้มีสัดส่วนรายได้เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันอยู่ที่ 55% เป็น 60%

ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีการปรับปรุงประสิทธิภาพการกลั่น เพื่อให้รับน้ำมันจากตลาดอื่นนอกเหนือจากตลาดตะวันออกกลาง เพื่อทำให้ต้นทุนต่ำที่สุด รวมทั้งมีแผนพัฒนาที่ดิน โดยกรณีที่ภาษีดินและสิ่งปลูกสร้างมีผลบังคับใช้แล้ว ทำให้บริษัทจ่ายภาษีที่ดินเพิ่มขึ้นไม่มากนักจาก 54 ล้านบาท เป็น 63 ล้านบาท ทั้งนี้คาดว่าแผนระยะยาวจะสร้างผลประโยชน์รวมประมาณ 3,000 ล้านบาท

สำหรับแผนระยะสั้นในปี 2563 ได้ดำเนินการตามแผน Growth Strategy คาดสร้างผลประโยชน์ให้บริษัทได้เพิ่ม 200 ล้านบาท อาทิ โครงการขยายพลาสติก ABS เพื่อให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 6,000 ตันต่อปี และการร่วมทุนกับบริษัท เจแปน โพลิโพรพิลีน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (JPP) เพื่อเข้าถือหุ้นในสัดส่วน 50% ของบริษัท ไมเท็กซ์ โพลิเมอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (Mytex Thailand) ผู้ผลิตและจำหน่ายเม็ดพลาสติกชนิดพิเศษพีพีคอมพาวด์ (Polypropylene Compound : PP Compound) สำหรับอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์

นอกจากนี้ ยังดำเนินงานโครงการ E4E, โครงการ IRPC 4.0 ใช้ดิจิทัลเข้ามาช่วยทำงาน ช่วยสร้างประโยชน์ได้ประมาณ 1,000 ล้านบาท และโครงการ Breakthrough ให้พนักงานเสนอแผนงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับสายงาน เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับองค์กร เช่น โครงการลดการสำรองน้ำมันดิบ (Crude Oil Inventory) ช่วยลดต้นทุนของบริษัท และประหยัดค่าใช้จ่ายได้ 1,000 ล้านบาท ในช่วง 3 ปี (ปี 2563-2565)

 

ด้านนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2563 ดีกว่าไตรมาส 1/2563 ซึ่งค่าการกลั่นรวม (GIM) ที่ 10 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน 6.8 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล มีแรงหนุนจากส่วนลดของ Aramco และส่วนต่างราคาเคมีภัณฑ์ที่ปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากอุปทานตึงตัว

อย่างไรก็ตามราคาหุ้นได้ตอบรับปัจจัยบวกไปแล้ว อีกทั้งแนวโน้มค่าการกลั่นและอัตรากำไรของเคมีภัณฑ์ในครึ่งปีหลังยังไม่ชัดเจน เนื่องจากความไม่แน่นอนของราคาน้ำมันดิบ สินค้าคงคลังส่วนเกิน และอุปทาน PP ใหม่ในประเทศจีน มองเห็นความเสี่ยงขาลง เนื่องจากผลต่างระหว่างมูลค่าหุ้นเริ่มแคบลงขณะที่สเปรด PP ยังอยู่ในระดับสูง

ดังนั้น คงคำแนะนำ “ถือ” ปรับราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้นจาก 2.50 บาท เป็น 2.80 บาท บน P/B ปี 2563 ที่ 0.8 เท่า (สอดคล้องกับกลุ่ม) จากการปลดล็อกและการฟื้นตัวของเคมีภัณฑ์และการกลั่นในภูมิภาค Multiple ที่ลดลงสะท้อนถึงกำลังการผลิตส่วนเกินในภาคเคมีและความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแนวโน้มการกลั่น

Back to top button