โบรกฯ เคาะเป้า SMPC ใหม่ 15 บ. จับตากำไรไตรมาส 2 ดีเกินคาด ลุ้นครึ่งปีหลังโตต่อ

โบรกฯ เคาะเป้า SMPC ใหม่ 15 บ. จับตากำไรไตรมาส 2 ดีเกินคาด แตะ 160 ลบ. หลังยอดขายพุ่ง รับผลดีโควิดส่งออกโต แถมได้ประโยชน์ค่าเงินบาทอ่อน ลุ้นครึ่งปีหลังโตต่อ


บริษัท หลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ ขณะนี้แนะนำ “ซื้อ” บริษัท สหมิตรถังแก๊ส จำกัด (มหาชน) หรือ SMPC และปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 15 บาท จากเดิม 12.70 บาท ยังอิง  PER ปี 2563 ที่ 14 เท่า เนื่องจากปรับกำไรสุทธิปี 2563 ขึ้น 18%

ทั้งนี้ประเมินกำไรสุทธิไตรมาส 2/63 จะทำได้โดดเด่นที่ 160 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% เมื่อเทียบจากปีก่อน และเพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน ซึ่งดีกว่าที่บล.เคทีบี (ประเทศไทย) คาดไว้จากเดิมว่าจะปรับตัวลงเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน

โดยเป็นผลมาจากประเมินรายได้เติบโต 18% เมื่อเทียบจากปีก่อน และเติบโต 13% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน โดยการส่งออกถังแก๊สยังเติบโตดีทั้งในเอเชียใต้, แอฟริกา และสหรัฐ จากราคา LPG ที่ถูกลงและ COVID-19 ทำให้คนทั่วโลกต้องอยู่บ้าน และเข้าครัวมากขึ้น ส่งผลให้ยอดขายถังแก๊สใหม่เพิ่มขึ้น รวมถึงได้ผลบวกจากเงินบาทโดยเฉลี่ยในงวด 2Q20 ที่อ่อนค่าลง

รวมทั้งอัตรากำไรขั้นต้นจะดีขึ้นเป็น 23% จากไตรมาส 1/63 ที่ 22.2% จากอัตราการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้น ดังนั้นจึงมีการปรับกำไรสุทธิปี 2563 ขึ้น 18% เป็น 573 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53% เมื่อเทียบจากปีก่อน ตามแนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 2/63 ที่จะดีกว่าคาดเดิม

อีกทั้งยังประเมินว่ากำไรสุทธิในช่วงครึ่งปีหลังปี 2563 จะเติบโตโดดเด่น 58% เมื่อเทียบจากปีก่อน จากยอดส่งออกถังแก๊สไปบังกลาเทศจะเติบโตขึ้นมากจากปีก่อนราคาหุ้นปรับตัวขึ้นและ outperform SET +68% ในช่วง 3 เดือน จากยอดส่งออกถังแก๊สที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ได้รายงานการส่งออกถังแก๊สของประเทศไทยในงวดไตรมาส 2/63 เพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบจากปีก่อน

ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย)  ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” SMPC ราคาเป้าหมาย 15 บาท/หุ้น ประเด็นการลงทุนที่สำคัญคือผลประกอบการที่คาดว่าจะฟื้นตัวในปีนี้จากฐานที่ต่ำในปี 2562 โดยคาดว่ากำไรโตอย่างน่าประทับใจถึง 32% ในปี 2563 และ 15% ในปี 2564 รวมทั้งปริมาณยอดขายที่คาดว่าจะค่อยๆ เติบโตขึ้น บวกกับการที่บริษัทเป็นผู้ผลิตถังแก๊สระดับ Top 10 ของโลก นอกจากนี้ บริษัทยังจ่ายปันผลสม่ำเสมอโดยมีนโยบายจ่ายปันผลที่ 60% ซึ่งจะทำให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลอยู่ที่ 5.6% จากราคาปิดล่าสุด ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ช่วยค้ำราคาหุ้นเอาไว้

ส่วน บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด หรือ บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ ขณะนี้แนะนำ “ซื้อ” หุ้น SMPC ประเมินราคาเป้าหมาย 13.70 บาท/หุ้น โดยคาดว่า SMPC จะมีผลประกอบการเพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบจากปีก่อน เป็น 140 ล้านบาทในช่วงไตรมาส 2/63 และคาดรายได้อยู่ที่ 1.04 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบจากปีก่อน และ 10% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน จากข้อมูลการส่งออกที่เพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบจากปีก่อน  และ 7% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน

โดยกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเกิน 80% จากเดิมที่ 68% ในช่วงไตรมาส 1/63 และ 58% ในช่วงไตรมาส 2/63 จากอุปสงค์ในเอเซียที่เพิ่มขึ้น ด้านอัตรากำไรเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน เป็น 23% จากเดิมที่ 22.2% จากสัดส่วนยอดขายที่เพิ่มขึ้น และเงินบาทที่อ่อนค่าลง 2% จากเดิม 31.3 บาท เป็น 31.9 บาท

อีกทั้งยังคาดว่าจะเติบโตต่อในครึ่งปีหลังปี 2563 จากฐานที่ต่ำ โดยมองว่าอุปสงค์ของ LPG จะเพิ่มขึ้นในกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนาเช่นใน แอฟริกา และเอเซียใต้ ในขณะที่ค่าเงินบาท/ดอลลาร์ ที่อ่อนค่าลงกับสงครามการค้าเป็นปัจจัยบวกจากการชิงส่วนแบ่งตลาดจากจีนจากการส่งออกไปสหรัฐฯ ที่ใช้ถังขนาดใหญ่ที่มีอัตรากำไรสูง และยังมีแผนในการขยายไปยังแอฟริกาเพิ่ม

นอกจากนี้ได้ปรับ EPS ในปีนี้และปีหน้าเพิ่มขึ้น 12% และ 6% เพื่อสะท้อนแนวโน้มการส่งออกที่ดีขึ้น 7 เดือนต่อเนื่องเมื่อเทียบจากปีก่อน ทำให้คาดยอดขายจะเพิ่มขึ้นเป็น 7.3 – 8.4 ล้านถังต่อปี จากเดิมที่ 7 – 8.2 ล้านถัง นอกจากนี้ ยังปรับอัตรากำไรเพิ่มขึ้น 50bps จากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น และอัตราแลกเปลี่ยนที่ดีขึ้น

ขณะที่ก่อนหน้านี้ นายสุรศักดิ์ เอิบสิริสุข กรรมการผู้จัดการ SMPC  เปิดเผยว่า สำหรับแนวโน้มผลประกอบการปี 2563 มั่นใจว่ายอดขายจะเติบโต 30% ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยปัจจุบัน สัดส่วนยอดขายของบริษัทกว่า 95% เป็นการส่งออก  ซึ่งเบื้องต้นปีนี้บริษัทคาดว่าจะสามารถจำหน่ายถังแก๊สได้ประมาณ 7 ล้านใบ ทำสถิติสูงสุดใหม่ จากกำลังการผลิตทั้งหมดที่บริษัทสามารถทำได้คือ 10 ล้านใบต่อปี

ส่วนของแผนการลงทุนในต่างประเทศ บริษัทฯได้พิจารณาชะลอการเจรจาการลงทุนออกไปก่อน โดยยังไม่มีแผนล้มเลิกการขยายการลงทุน  รอสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 กลับสู่สภาวะที่ดีขึ้น โดยโรงงานนี้ถือเป็นการขยายการลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตถังแก๊สเป็นครั้งแรกของบริษัทฯ กำลังการผลิต 2.5 ล้านใบต่อปี มูลค่าการลงทุนประมาณ 13 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างแผนการจัดหาที่ดินที่เหมาะสม และแผนงานส่วนอื่นที่เกี่ยวข้อง

Back to top button