GPSC โชว์กำไรไตรมาส 3 โตทะลักเกือบ 2 เท่าตัว แตะ 2.6 พันลบ. ดันงวด 9 เดือนทะลุ 6 พันลบ.

GPSC โชว์กำไรไตรมาส 3 โตทะลักเกือบ 2 เท่าตัว แตะ 2.6 พันลบ. ดันงวด 9 เดือนทะลุ 6 พันลบ.


บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC รายงานผลประกอบการงวดไตรมาส 3 และงวด 9 เดือนแรกปี 2563 มีกำไรสุทธิ ดังนี้

โดยกำไรสุทธิของบริษัทฯ ที่ไม่รวมค่าตัดจำหน่าย (Adjusted Net Income) ในไตรมาสที่ 3 ปี 2563 มีจำนวน 2,937 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,672 ล้านบาท จากไตรมาสที่ 3 ปี 2562 หรือร้อยละ 132 โดยมีสาเหตุหลัก ดังนี้

  • กำไรขั้นต้นของโรงไฟฟ้าผู้ผลิตอิสระ (IPP) ลดลง 442 ล้านบาท สาเหตุหลักจากกำไรขั้นต้นของโรงไฟฟ้าเก็คโค่วันที่ลดลง เนื่องจากรายได้ ค่าความพร้อมจ่าย (AP) ลดลง จากการหยุดซ่อมบำรุง 8.5 วัน และราคาถ่านหินที่ปรับตัวลดลง รวมถึงกำไรขั้นต้นของโรงไฟฟ้าห้วยเหาะที่ลดลง อันเนื่องมาจากปริมาณการผลิตไฟฟ้าที่ลดลงจากสภาวะภัยแล้งในปี2563
  • กำไรขั้นต้นของโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) เพิ่มขึ้น 269 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักมาจากผลการดำเนินงานจากการขายไฟฟ้าและไอน้ำให้กับ ลูกค้าอุตสาหกรรมที่ดีขึ้น อันเนื่องมาจากราคาก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวลดลง ถึงแม้ว่าจะมี การปรับค่า Ft ลงในเดือนกันยายน ปี2563 และปริมาณการขาย ไฟฟ้าให้กับ EGAT และปริมาณการขายไฟฟ้าและไอน้ำให้กับลูกค้าอุตสาหกรรมจะลดลงก็ตาม
  • กำไรขั้นต้นของโรงไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (VSPP) และอื่น ๆ เพิ่มขึ้น 81 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักจากการรับรู้กำไรขั้นต้นของ บริษัท โกลบอล รีนิวเอเบิล เพาเวอร์ จำกัด (GRP) ภายหลังการเข้าซื้อกิจการเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2563
  • รายได้และค่าใช้จ่ายอื่นในไตรมาสที่ 3 ปี 2563 มีรายได้อื่นสุทธิ เท่ากับ 543 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 252 ล้านบาท จากไตรมาสที่ 3 ปี 2562 โดยสาเหตุหลักมาจากเงินปันผลรับจากบริษัท ราชบุรีเพาเวอร์ จำกัด จำนวน 270 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 165 ล้านบาท จากไตรมาสที่ 3 ปี 2562 • ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร และอื่นๆ ในไตรมาสที่ 3 ปี 2563 ลดลง 733 ล้านบาท จากไตรมาสที่ 3 ปี 2562 โดยสาเหตุหลักมาจาก ต้นทุนทางการเงินที่ลดลงหลังจากการเพิ่มทุนแล้วเสร็จจำนวน 930 ล้านบาท ขณะที่ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้เพิ่มขึ้น 185 ล้านบาท
  • ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้าในไตรมาสที่ 3 ปี 2563 ในไตรมาสที่ 3 ปี 2563 เท่ากับ 638 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 500 ล้านบาท จากไตรมาสที่ 3 ปี 2562 โดยสาเหตุหลักมาจากส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรีที่เพิ่มขึ้น 455 ล้านบาท หลังจากได้ดำเนินการเชิงพาณิชย์ในเดือนตุลาคม 2562
  • ส่วนได้เสียที่ไม่มีอำนาจควบคุม ลดลง 205 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักผลประกอบการของโรงไฟฟ้าเก็คโค่-วัน และโรงไฟฟ้าห้วยเหาะที่ ลดลง และจากการรับรู้ผลประกอบการจาก GLOW จำนวนร้อยละ 99.83 ในไตรมาสที่ 3 ปี 2563 ขณะที่ไตรมาสที่ 3 ปี 2562 บริษัทฯ รับรู้ผลประกอบการจาก GLOW จำนวนร้อยละ 95.25

Back to top button