LEO ขาขึ้นรอบใหม่! บวก 4%  ลุ้นงบ Q4 โตเด่น-ทั้งปีกำไรแตะ 63.7 ลบ. แนะซื้อเป้า 7.30 บ.  

LEO ขาขึ้นรอบใหม่! บวก 4%  ลุ้นงบ  Q4 โตเด่น-ทั้งปีกำไรแตะ 63.7 ลบ. แนะซื้อเป้า 7.30 บ.  


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน)  หรือ LEO ณ เวลา 12.21 น. อยู่ที่ระดับ 5.85 บาท บวก 0.25 บาท หรือ 4.46%  ด้วยมูลค่าซื้อชาย 42.59 ล้านบาท

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุว่า แนวโน้มไตรมาส 4/63 คาด กำไรจะเร่งตัวขึ้นเป็น 20 ลบ. +40.5% เทียบไตรมาสก่อนหน้า และละ ดันกำไรสุทธิงวดปี 2563 แตะ 63.7 ล้านบาท เติบโต 35.5% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยอัตรากำไรขั้นต้น คาดจะยืนในระดับสูง 34.0% จากสภาวะอุปสงค์ตู้สินค้าทางเรือที่ยังแข็งแกร่งมาก โดยเฉพาะเส้นทางมุ่งเข้าสู่สหรัฐ

แม้ตัวเลขส่งออกไทยเดือน ต.ค. จะหด -6.7% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เทียบกับ -3.9% ในเดือน ก.ย. แต่ส่วนใหญ่เป็นสินค้าเกษตรกรรม เช่น น้ำตาล ข้าว ซึ่งไม่ได้เป็นสินค้าหลักของ LEO ขณะที่สินค้าหลักอย่าง เซมิคอนดักเตอร์ +26% ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ +4.2% อาหาร +11% เฟอร์นิเจอร์ +20% ถือว่าอยู่ในเกณฑ์น่าพอใจ

ขณะที่ในระยะสั้นตลาดสหรัฐ รักษาโมเมนตัมได้ดีต่อเนื่อง +17% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งสายเดินเรือระดับโลกส่งสัญญาณว่าจะทำให้ความต้องการตู้สินค้า และ พื้นที่เรือคอนเทนเนอร์ จะอยู่ในภาวะตึงตัวไปอย่างน้อยถึงตรุษจีนปี 2564 ผู้บริหารเผยว่าค่าขนส่งตู้ 40 ฟุตเส้นทางจีน-สหรัฐ พุ่งกว่า 3 เท่าตัวในปีเดียว สู่ 3,000 เหรียญ/ตู้ ไปแล้ว

ราคาหุ้นได้ขึ้นมาสะท้อนความเก่งกว่ากลุ่มด้วยอัตรากำไรขั้นที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย 900bps แล้ว โดยการอิง P/E เฉลี่ยกลุ่ม 21.0 เท่า + premium 20% เป็น P/E เป้าหมาย 25.2 เท่า ดังนั้นเมื่อรวมการเติบโตของ EPS growth (fully diluted) +28.8% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่ 0.25 บาท/ หุ้น จะได้ราคาพื้นฐานปี 2564 ที่ 6.40 บาท/ หุ้น ซึ่งเป็นราคาที่ยังไม่ได้รวมประเด็นการลงทุนกับพันธมิตรตามแผนที่แจ้งไว้ในหนังสือชี้ชวน

 

บล.เคจีไอ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า LEO แนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 7.30 บาท โดยประเมินว่าผู้ประกอบการทั่วโลกจะเริ่มการสั่งซื้อสินค้าเพื่อ Restock ครั้งใหญ่ภายหลังมีวัคซีนโควิด-19 และเศรษฐกิจโลกจะเริ่มเดินหน้าอีกครั้ง สะท้อนมายังค่าระวางเรือคอนเทนเนอร์ที่ปรับขึ้นแรงต่อเนื่อง (Shanghai Containerized Freight index +137% จากจุดต่ำสุดของปีนี้ในเดือน เม.ย.2563)

สอดคล้องกับมุมมองของฝ่ายวิจัยฯ เคจีไอ (ไต้หวัน) ที่ประเมินจะเกิดการ Restock สินค้าครั้งใหญ่ โดยเฉพาะสินค้าประเภทสิ่งทอและยานยนต์ ที่ชะลอตัวไปในช่วงวิกฤตโควิด-19 สินค้าประเภทอาหารและเครื่องดื่มรองรับการเดินทางท่องเที่ยว รวมไปถึงวัฏจักรขาขึ้นรอบใหญ่ของอุปกรณ์ไอทีทั้งนี้รายได้จากการให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางเรือคิดเป็นราว 66% ของรายได้รวมใน 9M63

จากการวิเคราะห์งบการเงินของ LEO จะพบว่าสิ่งที่น่าสนใจของ LEO คือการเป็นธุรกิจประเภท “Asset light” คือไม่จำเป็นต้องมียานพาหนะสำหรับการขนส่ง (เรือ เครื่องบิน รถบรรทุก) เป็นของตัวเอง โดยจะมุ่งเน้นการทำธุรกิจในเชิงการให้บริการ โดยมีพันธมิตรด้านโลจิสติกส์อยู่ทั่วโลก จึงทำให้ LEO มีความเสี่ยงต่ำในกรณีที่เกิดวัฏจักรขาลงของอุตสาหกรรมขนส่ง เนื่องจากไม่จำเป็นต้องแบกต้นทุนคงที่ เช่น ค่าเสื่อมราคา และค่าซ่อมบำรุง นอกจากนี้ยังมีข้อดีอีกประการคือ ไม่รับความเสี่ยงเรื่องความผันผวนของต้นทุนพลังงาน ที่เป็นความเสี่ยงหลักของธุรกิจโลจิสติกส์ เนื่องจาก LEO จะเป็นผู้ให้บริการโดยคิดค่าบริการในลักษณะ Cost plus

โดยธุรกิจ E-commerce ที่กำลังเข้าสู่วัฏจักรขาขึ้นทั่วโลกในขณะนี้ เป็นผลจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป และส่วนหนึ่งได้รับปัจจัยเร่งมาจากวิกฤตโควิด-19 โดย LEO ได้รับอานิสงส์จากประเด็นนี้ผ่านทางธุรกิจขนส่งทางอากาศ (Air Freight) ที่มีสัดส่วนรายได้ราว 18% ของรายได้รวมใน 9M63 และมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นได้ เนื่องจากธุรกิจ E-commerce ยังมีโอกาสที่จะขยายตัวกินส่วนแบ่งของธุรกิจการค้าแบบดั้งเดิมได้อีกมาก

อีกทั้งลงทุนธุรกิจให้บริการพื้นที่ “Self Storage” โดยปัจจุบันมีการให้บริการธุรกิจนี้แล้วแห่งหนึ่ง มีอัตราการเช่าราว 75% พื้นที่รวม 1,200 ตรม. (รายได้คิดเป็น 1% ของรายได้รวมใน 9M63) และจะลงทุนเพิ่มอีก 2 แห่ง (1 แห่งในปี 2564 และอีก 1 แห่งในปี 2565)

Back to top button