KOOL หนีหนาว.!?

จากเดิมหุ้นบริษัท มาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ KOOL เป็นหุ้นที่พวกหนีร้อนมาพักพิง...มาวันนี้ KOOL เตรียมจะหนีจากความเหน็บหนาวของกำไร เพื่อไปหาความอบอุ่นแทน...ด้วยการเข้าไปลงทุนในสองธุรกิจใหม่เอี่ยมอ่อง อย่างธุรกิจการเงิน และอสังหาริมทรัพย์ เพื่อลดความเสี่ยงของธุรกิจ...


สำนักข่าวรัชดา

จากเดิมหุ้นบริษัท มาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ KOOL เป็นหุ้นที่พวกหนีร้อนมาพักพิง…มาวันนี้ KOOL เตรียมจะหนีจากความเหน็บหนาวของกำไร เพื่อไปหาความอบอุ่นแทน…ด้วยการเข้าไปลงทุนในสองธุรกิจใหม่เอี่ยมอ่อง อย่างธุรกิจการเงิน และอสังหาริมทรัพย์ เพื่อลดความเสี่ยงของธุรกิจ…

ด้วย KOOL เป็นบริษัทที่ก่อร่างสร้างตัวมาจากอุปกรณ์ทำความเย็น ไม่ว่าจะเป็นพัดลมไอเย็น พัดลมไอน้ำ และพัดลมอุตสาหกรรม ภายใต้ตราสินค้า MASTERKOOL และ Cooltop รวมถึงออกแบบและติดตั้งระบบระบายความร้อนและระบบโอโซน

ทว่าจุดอ่อนของ KOOL นั้น เป็นธุรกิจที่มีซีซั่นส์ในการขาย อย่างหน้าร้อนจะขายดีมาก ยอดขายโตระเบิดระเบ้อ แต่ช่วงเวลาอื่น อย่างหน้าฝน หรือหน้าหนาว ตลาดจะเงียบเป็นเป่าสาก

ขณะที่สถานการณ์ในบ้านเราอากาศเปลี่ยนบ่อย ทำให้ขายยากขึ้น ประกอบกับโปรดักส์กลุ่มนี้ เจอแบรนด์จีนเข้ามาตีตลาด แย่งส่วนแบ่งตลาดไปไม่น้อย ทำให้มีความไม่แน่นอนในแง่ของผลประกอบการ

เท่านั้นไม่พอ…ลูกค้าบางกลุ่มยังเกิดข้อกังขาเรื่องสุขภาพ โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ ที่เกรงว่าหากใช้พัดลมไอเย็น หรือพัดลมไอน้ำไปนาน ๆ อาจทำให้มีปัญหาสุขภาพตามมา กลายเป็นภาพจำที่บั่นทอนการเติบโตของ KOOL มาโดยตลอด

ทำให้รายได้อยู่ระดับ 500-700 ล้านบาท แต่กำไรแค๊บแคบ อัตรากำไรสุทธิแค่ 1% กว่าเท่านั้น แถมบางปีพลิกมาขาดทุนด้วยซ้ำ ทำให้ KOOL ไปต่อได้ยากขึ้น…

ทำให้ถึงเวลาที่จะก้าวหาธุรกิจใหม่ เพื่อชดเชยธุรกิจเดิมที่ในอนาคตโตลำบากขึ้น

ล่าสุดก็เข้าไปลงทุนในบริษัท สาทรสินทรัพย์ จำกัด (SS) ซึ่งเป็นโฮลดิ้งที่ลงทุนในกลุ่มบริษัททำธุรกิจด้านการเงินและสินเชื่อ มูลค่า 59.4 ล้านบาท รวมทั้งซื้อหุ้นทั้งหมดในบริษัท แคปปิตอล ลิ้งค์ อุดรธานี จำกัด (CLU) ซึ่งประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่จังหวัดอุดรธานี มูลค่า 92.25 ล้านบาท

โอเค…ก็ถือเป็นโอกาสใหม่ของ KOOL แต่เบื้องต้นทั้งสองบริษัทยังประสบปัญหาขาดทุนอยู่นะ…

โดยสาทรสินทรัพย์ ซึ่งก่อตั้งปี 2562 ผลประกอบการโชว์ตัวเลขขาดทุน 17,200 บาท พร้อมมีภาระหนี้สิน 295 ล้านบาท ขณะที่บริษัทลูกอย่างบริษัท แคปปิตอล ลิ้งค์ โฮลดิ้ง จำกัด แม้มีกำไร แต่กำไรกะปริบกะปรอย…ปี 2560 มีรายได้รวม 9 ล้านบาท ขาดทุน 5 ล้านบาท ปี 2561 มีรายได้รวม 18 ล้านบาท พลิกมามีกำไร 13 ล้านบาท ส่วนปี 2562 มีรายได้รวม 4 ล้านบาท กำไร 2 ล้านบาท

ส่วนแคปปิตอล ลิ้งค์ อุดรธานี ก่อตั้งปี 2550 แต่ผลประกอบการย้อนหลัง 3 ปีขาดทุนมาโดยตลอด ปี 2560 มีรายได้รวม 37 ล้านบาท ขาดทุน 3 ล้านบาท ปี 2561 มีรายได้รวม 45 ล้านบาท ขาดทุน 2 ล้านบาท ปี 2562 มีรายได้รวม 23 ล้านบาท ขาดทุน 2 ล้านบาท

ที่สำคัญ การเข้าไปซื้อทั้งสองบริษัทดังกล่าว จะมีการออกหุ้นเพิ่มทุนไปแลก ซึ่งแน่นอนว่าจะเกิดไดลูชั่นจากจำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้น

ทำให้ถูกตั้งคำถามตามมาว่า ผลตอบแทนจากมูลค่าการลงทุนครั้งนี้จะคุ้มค่าหรือไม่..?

ก็น่าคิดว่า การหนีความเหน็บหนาวของกำไรของ KOOL ครั้งนี้…จะได้ความอบอุ่นของกำไรอย่างที่คาดหวังหรือเปล่า..? หรือจะไปสู่จุดเยือกแข็งกันแน่..?

แหม๊…ชักเริ่มไม่แน่ใจแล้วน่ะสิ…

…อิ อิ อิ…

Back to top button