KBANK วิ่งต่อ 2% นิวไฮรอบ 11 เดือน หลังกำไรไตรมาส 4 แรงเหนือคาด-รับประโยชน์ฟรีโฟลตใหม่

KBANK วิ่งต่อ 2% นิวไฮรอบ 11 เดือน หลังกำไรไตรมาส 4 แรงเหนือคาด-รับประโยชน์ฟรีโฟลตใหม่ ล่าสุดอยู่ที่ 128 บาท บวก 3 บาท หรือ 2.40% มูลค่าซื้อขาย 3.18 พันล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK ล่าสุด ณ เวลา 11.12 น. อยู่ที่ 128 บาท บวก 3 บาท หรือ 2.40% สูงสุดที่ 129.50 บาท ต่ำสุดที 125.50 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 3.18 พันล้านบาท

ทั้งนี้ราคาหุ้น KBANK ปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 11 เดือน นับตั้งแต่ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 128 บาท เมื่อวันที่ 25 ก.พ.2563 คาดว่านักลงทุนเข้าซื้อเก็งกำไร หลังรายงานผลประกอบการงวดไตรมาส 4/63 มีกำไรดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และยังจะได้รับประโยชน์จากเกณฑ์ฟรีโฟลตใหม่

โดยบล.เอเซีย พลัส  ระบุ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ประกาศเตรียมทบทวนเกณฑ์เกี่ยวกับฟรีโฟลต รวมถึงการจัดทำดัชนีโดยใช้เกณฑ์ Free Float Adjusted Market Capitalization แทน Full Market Capitalization เพื่อให้สะท้อนสภาพการณ์ตลาดมากขึ้น และเป็นแนวทางเดียวกับสากล

โดยฝ่ายวิจัยฯ ได้ทำการคัดกรองหุ้นที่ได้ประโยชน์จากประเด็นดังกล่าว เริ่มจากหุ้นที่มีน้ำหนักต่อดัชนีเพิ่มขึ้นมากสุด 10 อันดับแรก มีโอกาสได้เม็ดเงินลงทุนจากกองทุน Passive Fund ในการปรับพอร์ตตามดัชนีเพิ่มขึ้นมากที่สุด ดังนี้ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL, บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC, ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB, ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK, บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS, บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL, บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH, บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT, บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN และบริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO

ส่วน บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” KBANK ราคาเป้าหมาย 181 บาท/หุ้น และเลือก KBANK เป็นหนึ่งในหุ้น Top Pick ของกลุ่มธนาคาร โดยกำไรสุทธิไตรมาส 4/63 เท่ากับ 13.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 50.6% เมื่อเทียบจากปีก่อน และ 98.5% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน ซึ่งดีกว่าคาดอย่างมาก เนื่องจากตั้งสำรอง ECL ในไตรมาส 4/63 ต่ำมาก ส่วนทั้งปี 63 มีกำไรสุทธิเท่ากับ 29.5 พันล้านบาท (ลดลง 23.9% เมื่อเทียบจากปีก่อน)

ทั้งนี้กำไรจากการดำเนินงานก่อนสำรอง (PPOP) ในไตรมาส 4/63 เท่ากับ 18.2 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 15.4% เมื่อเทียบจากปีก่อน แต่ลดลง 8.5% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน)

Back to top button