SCCC วิ่งฉิว 6% นิวไฮรอบ 1 ปี รับกำไร Q4/63 กระฉูด 95% โบรกฯเชียร์ “ซื้อ” เป้าสูง 230 บ.

SCCC วิ่งฉิว 6% นิวไฮรอบ 1 ปี รับกำไร Q4/63 กระฉูด 95% โบรกฯเชียร์ "ซื้อ" เป้าสูง 230 บ. โดย ณ เวลา 10.35 น. ราคาอยู่ที่ระดับ 152.50 บาท บวก 8.50 บาท หรือ 5.90% สูงสุดที่ระดับ 156 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 151.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 66.37 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) หรือ SCCC ณ เวลา 10.35 น. อยู่ที่ระดับ 152.50 บาท บวก 8.50 บาท หรือ 5.90% สูงสุดที่ระดับ 156 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 151.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 66.37 ล้านบาท

ทั้งนี้ ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบเกือบ 1 ปี นับตั้งแต่ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 154 บาท เมื่อวันที่ 5 มี.ค.63

ด้าน บล.เคจีไอ ระบุในบทวิเคราะห์ (15 ก.พ.64) แนะนำ “ซื้อ” SCCC ราคาเป้าหมาย 230 บาท/หุ้น โดยกำไรสุทธิของ SCCC ในไตรมาส 4/63 อยู่ที่ 932 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 94.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน, เพิ่มขึ้น 3.8% จากไตรมาสก่อน) ดีกว่าประมาณการของเราถึง 308.7% เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นดีเกินคาด แลผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ต่ำกว่าที่คาดไว้ ทั้งนี้ บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลงวดปี 2563 ที่ 9 บาท/หุ้น (กำหนดขึ้น XD วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 และจ่ายเงินปันผลวันที่ 5 เมษายน 2564) คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 6.25%

ขณะที่ยอดขายในไตรมาส 4/63 อยู่ที่ 1.04 หมื่นล้านบาท (ลดลง 12.0% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน, เพิ่มขึ้น 0.6% จากไตรมาสก่อน) อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 35.7% เพิ่มขึ้นจาก 32.8% ในไตรมาส 3/63 และ 31.6% ในไตรมาส 4/62 เนื่องจากประสิทธิภาพของโรงงานดีขึ้น, ต้นทุนการดำเนินงานลดลง และต้นทุนถ่านหินลดลง เรายังคงคำแนะนำซื้อ และให้ราคาเป้าหมายปี 2564 ที่ 230 บาท อิงจาก PER ระยะยาวที่ 18.5x เราเชื่อว่าโครงการประหยัดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพของโรงงานจะยังคงเป็นปัจจัยบวกสำคัญต่อเนื่องในปีนี้

สำหรับกำไรสุทธิของ SCCC ในไตรมาส 4/63 อยู่ที่ 932 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 94.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน, เพิ่มขึ้น 3.8% จากไตรมาสก่อน) ดีกว่าประมาณการของเราถึง 308.7% เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นดีเกินคาด และผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ต่ำกว่าที่คาดไว้ ทั้งนี้ บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลงวดปี 2563 ที่ 9 บาท/หุ้น (กำหนดขึ้น XD วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 และจ่ายเงินปันผลวันที่ 5 เมษายน 2564) คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 6.25%

ทั้งนี้ ยอดขายในไตรมาส 4/63 อยู่ที่ 1.04 หมื่นล้านบาท (ลดลง 12.0% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน, เพิ่มขึ้น 0.6% จากไตรมาสก่อน) ซึ่งเป็นไปตามที่เราคาดไว้ โดยยอดขายที่ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นเพราะอุปสงค์ของคอนกรีตผสมเสร็จ(RMC) อ่อนตัว (จากการชะลอตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์) และรายได้จากการค้าลดลง (ทั้งอุปสงค์ และระดับราคายังคงต่ำกว่าช่วงก่อน COVID-19 ระบาด) ในขณะเดียวกัน ยอดขายที่ทรงตัวจากไตรมาสก่อน เป็นเพราะอุปสงค์ปูนซีเมนต์ในประเทศที่อ่อนแอเนื่องจากฝนที่ตกหนักและน้ำท่วมถูกชดเชยด้วย 1.อุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นจากตลาดต่างประเทศ (เวียดนาม, ศรีลังกา และบังกลาเทศ) 2.อุปสงค์ RMC เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ และ 3.มีกิจกรรมการค้าขายเพิ่มขึ้น

ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 35.7% เพิ่มขึ้นจาก 32.8% ในไตรมาส 3/63 และ 31.6% ในไตรมาส 4/62 เนื่องจากประสิทธิภาพของโรงงานดีขึ้น, ต้นทุนการดำเนินงานลดลง และต้นทุนถ่านหินลดลง โดยอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน หลักๆมาจากผลขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์ที่ลดลง ทั้งนี้ สัดส่วน SG&A/ยอดขายในไตรมาส 4/63 อยู่ที่ 20.9% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน จาก 19.8% โดยรายได้ Equity income อยู่ที่ 110 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 10.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน, ลดลง 5.0% จากไตรมาสก่อน) ซึ่งรายได้ที่ลดลงจากไตรมาสก่อน เป็นเพราะอุปสงค์และราคาปูนซีเมนต์ในประเทศกัมพูชาลดลง

อย่างไรก็ดี ยังคงคำแนะนำซื้อ และให้ราคาเป้าหมายปี 2564 ที่ 230 บาท อิงจาก PER ระยะยาวที่ 18.5x เชื่อว่าโครงการประหยัดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพของโรงงานจะยังคงเป็นปัจจัยบวกสำคัญต่อเนื่องในปีนี้

Back to top button