“สุทิน” จี้นายกฟ้อง “เทพเทือก” จ่ายค่าโง่โฮปเวลล์ 2.4 หมื่นล.แทน! ชี้เหลือเวลาแค่ 2 เดือน

“สุทิน” จี้นายกฟ้อง “เทพ เทือก” จ่ายค่าโง่โฮปเวลล์ 2.4 หมื่นล้านแทน! ชี้เหลือเวลาแค่ 2 เดือน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล วันนี้ (16 ก.พ.64) เมื่อเวลาประมาณ 11.15 น.ที่ผ่านมา นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นลำดับแรก ถึงพฤติกรรมทุจริต โดยเฉพาะเชิงนโยบาย

โดยนายสุทิน ระบุ นายกฯ มีความล้มเหลวในการทำงานหลายด้าน แสดงถึงความไร้ประสิทธิภาพในการบริหารประเทศ หากทำไมได้ ควรพิจารณาตนเองด้วยการลาออก โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งมีปัญหาตั้งแต่ก่อนการระบาดของโควิด-19 ซึ่งปัญหาเศรษฐกิจนำมาสู่ปัญหาสังคม อบายมุขเพิ่มขึ้นเช่น ตัวเลขบ่อนการพนันสูงขึ้น

นอกจากนั้น นายสุทิน ยังกล่าวโจมตี พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี ว่าเอื้อประโยชน์พวกพ้อง เช่น กรณีโฮปเวลล์ที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รมว.คมนาคมในขณะนั้น ยกเลิกสัญญาซึ่งเป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่อ ที่ถูกฟ้อง และรัฐบาลต้องชดเชยกว่า 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งกรณีนี้ต้องฟ้องเอาจากผู้ละเมิดคือ นายสุเทพ ซึ่งจะเหลือเวลาอีก 2 เดือนในการส่งฟ้องแต่นายกรัฐมนตรีก็ยังไม่ดำเนินการ

นายสุทิน กล่าวต่อว่า กรณีนี้นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมปัจจุบัน  ชี้แจงว่าคดียังไม่สิ้นสุด และยังคงสู้คดีต่อ ซึ่งคดีดังกล่าวเห็นว่าไม่สามารถกลับคำวินิจฉัยของศาลปกครองได้ และซึ่งหากจะกลับมาเอาผิดจากผู้ละเมิดก็หมดเวลาในการฟ้องผู้ละเมิดแล้ว

          “กรณีโฮปเวลล์ ศาลปกครองตัดสิน แพ้ก็ต้องแพ้ เอาผิดผู้ละเมิด เสียก็ต้องเสีย เรียกความเชื่อมั่น” นายสุทิน กล่าว

นอกจากนี้ นายสุทิน ยังกล่าวถึงกรณีเหมืองทองอัคราคือเอกชนเปิดเหมืองทองและถูกสั่งปิดโดย ม.44 ซึ่งเป็นการฟ้องราชอาณาจักรไทย รอเพียงอนุญาโตตุลาการตัดสินและดูว่าใครจะเป็นคนจ่ายค่าปรับ ซึ่งหาก พล.อ.ประยุทธ์ เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ แผ่นดินก็จะจ่าย แต่หาก พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐพล.อ.ประยุทธ์ ก็ต้องเป็นผู้จ่าย

“วันนี้นายกฯ กำลังจะปัดความรับผิดชอบโดยให้เหมืองทองอัคราถอนฟ้อง และอาจเสียมากกว่าค่าปรับ 3-4 หมื่นล้าน แต่การเจรจากันวันนี้อาจจะเสียทรัพย์สินของแผ่นดินมากกว่าโดยเฉพาะการให้สัมปทานในที่ไม่ต่ำกว่า 3 แสนไร่”

Back to top button