SPCG รองแชมป์ P/E ต่ำ จับตารายได้ปี 64 แตะ 5.5 พันล. รับแผนเดินหน้าโซลาร์ EEC เต็มสูบ

SPCG รองแชมป์ P/E ต่ำ จับตารายได้ปี 64 แตะ 5.5 พันล. รับแผนเดินหน้าโซลาร์ EEC เต็มสูบ


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้คัดเลือกหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานที่มี P/E Ratio หรือ อัตราส่วนทางการเงินที่เทียบกันระหว่าง Price/Earning Per Share (ราคาหารด้วยกำไรสุทธิต่อหุ้น) ในระดับต่ำ จำนวน 39 หลักทรัพย์มานำเสนอให้กับนักลงทุน (เทียบราคาปิด ณ วันที่ 12 มี.ค.64) ตามตาราง ดังนี้

ทั้งนี้ จากการรวบรวมข้อมูล พบว่าในจำนวน 39 หลักทรัพย์ มี 6 หลักทรัพย์ที่ไม่สามารถคิดคำนวณ P/E ได้ เนื่องจากมีผลการดำเนินงานปี 2564 ขาดทุน ดังนี้

ขณะที่หุ้น SPCG อยู่อันดับ 2 ปิดที่ระดับ 20.20 บาท (ราคาปิด ณ 12 มี.ค.64) มาหารกับ EPS หรือ กำไรต่อหุ้นปี 2563 ที่ระดับ 2.80 บาท จะเห็นได้ว่า SPCG มี P/E อยู่ที่ระดับ 7.21 เท่า ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำ เมื่อเทียบกับหมวดอุตสาหกรรมเดียวกันที่อยู่ระดับ 38.28 เท่า ดังนั้นจะเห็นได้ว่า SPCG เป็นหุ้นที่ราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานของบริษัทที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง

อนึ่ง วันนี้ (16 มี.ค.64) หุ้น SPCG ขึ้นเครื่องหมาย XD หรือไม่ได้รับสิทธิปันผล โดยบริษัทเตรียมแจกปันผล 0.65 บาท วันที่ 14 พ.ค.64

ด้าน ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ของ SPCG ระบุว่า บริษัทยังคงขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อแสวงหารายได้เพิ่ม ซึ่งตั้งเป้ารายได้ปี 2564 นี้ ให้เติบโตมากกว่าปีก่อน ไม่ต่ำกว่า 5,500 ล้านบาท มากกว่าปีที่แล้ว 5,000 ล้านบาท และปีนี้ก็มีการลงทุนทำโซลาร์ฟาร์มเพิ่มอีก 500 เมกะวัตต์ ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรือ (EEC) ซึ่งเป็นโครงการร่วมลงทุนระหว่าง SPCG กับ บริษัท พีอีเอ เอ็นคอม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (PEA ENCOM) ในเครือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) จัดตั้งบริษัท เซท เอนเนอยี่ จำกัด โดยเริ่มทยอยกำลังผลิตเฟสแรกที่ 300 เมกะวัตต์ ซึ่งเริ่มจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบ (COD) ตั้งแต่ไตรมาส 3 ปีนี้เป็นต้นไป และจะรับรู้รายได้ทันที บริษัทจึงตั้งเป้ากำลังการผลิต 1,000 เมกะวัตต์ ในปี 2568

ขณะที่ นายพิพัฒน์ วิริยธรานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินของ SPCG กล่าวว่า รายได้ของปีนี้ที่จะเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ส่วนหนึ่งมาจากการรับรู้รายได้จากโครงการโซลาร์ฟาร์มใน EEC เฟสแรก ซึ่งผลตอบแทนการลงทุนโครงการดังกล่าวมากกว่า 10% ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 200 เมกะวัตต์ คาดจะเริ่มCOD ได้ในปี 2565 ทั้งนี้หากโครงการโซลาร์ฟาร์มใน EEC ดำเนินการครบ 500 เมกะวัตต์ จะสร้างรายได้ประมาณ 2.5 พันล้านบาท สามารถเข้ามาทดแทนโซลาร์ฟาร์มบางแห่ง ที่ทยอยหมด Adder ตั้งแต่ปี 2564-2567 นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนขยายการลงทุนโครงการใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ และปีนี้บริษัทตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตโซลาร์ฟาร์มทั้ง 36 โครงการ อยู่ที่ 385 ล้านหน่วย

ก่อนหน้านี้ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ออกบทวิเคราะห์ถึง หุ้น SPCG ว่า เป็นหุ้นปันผลเด่นของกลุ่มพลังงาน เพราะบริษัทสามารถจ่ายเงินปันผลมาได้อย่างต่อเนื่อง หลายปีติดต่อกัน และให้อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทนในระดับสูงถึง 6% แบบนี้ติดต่อกันมา 3 ปีต่อเนื่อง

เนื่องจากการจ่ายเงินปันผลงวดที่ 2 ของครึ่งปีหลัง 63 อีก 0.65 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) 3.2% และหารวมงวดครึ่งแรกของปี 63 ที่ 0.55 บาท เท่ากับว่า SPCG ให้อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน งวดปี 2563 น่าพอใจ 6.0%

 

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button