น้ำมันจะเหลือแค่ 10 เหรียญ ?

มีการถกเถียงและรับรู้กันมาระยะหนึ่งแล้วว่า อุตสาหกรรมน้ำมันหรือเชื้อเพลิงฟอสซิลกำลังจะเป็นขาลง แต่จะถึงจุดต่ำสุด เร็วหรือช้าแค่ไหนนั้น ยังมีความเห็นหลากหลายมุมมอง ล่าสุดได้เห็นรายงานจากวู้ด แมคเคนซี บริษัทที่ปรึกษาชื่อดังในอุตสาหกรรมพลังงานเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า ราคาน้ำมันอาจร่วงลงไปถึง 10 ดอลลาร์ภายในปี 2593 หรือเกือบ 30 ปีจากนี้ไป


กระแสโลก : ฐปนี แก้วแดง

มีการถกเถียงและรับรู้กันมาระยะหนึ่งแล้วว่า อุตสาหกรรมน้ำมันหรือเชื้อเพลิงฟอสซิลกำลังจะเป็นขาลง แต่จะถึงจุดต่ำสุด เร็วหรือช้าแค่ไหนนั้น ยังมีความเห็นหลากหลายมุมมอง ล่าสุดได้เห็นรายงานจากวู้ด แมคเคนซี บริษัทที่ปรึกษาชื่อดังในอุตสาหกรรมพลังงานเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า ราคาน้ำมันอาจร่วงลงไปถึง 10 ดอลลาร์ภายในปี 2593 หรือเกือบ 30 ปีจากนี้ไป

รายงานดังกล่าวชี้ว่า หากผู้นำทั่วโลกตัดสินใจอย่างเด็ดขาดที่จะจำกัดภาวะโลกร้อนให้เหลือ 2 องศาเซลเซียส ภายในปี 2593 ตามที่มีการกำหนดเป้าหมายไว้ในข้อตกลงว่าด้วยสภาวะอากาศปารีส ดีมานด์น้ำมันจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญมาก

ภายใต้สถานการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงพลังงานอย่างรวดเร็วขึ้น ตลาดพลังงานจะเป็นพลังงานไฟฟ้ามากขึ้นไปจนถึงปี 2593 ซึ่งจะบีบพลังงานที่สร้างไฮโดรคาร์บอนมากสุดอย่างเช่นน้ำมัน ออกไป และภายใต้สถานการณ์เช่นนั้น ดีมานด์น้ำมันอาจลดลงจากระดับปัจจุบันประมาณ 70% ภายในปี 2593

วู้ด แมคเคนซีคาดการณ์ว่า ดีมานด์น้ำมันจะเริ่มลดลงตั้งแต่ปี 2566 และจะเริ่มลดลงเร็วขึ้นหลังจากนั้น โดยจะลดลงประมาณ 2 ล้านบาร์เรลต่อวันเมื่อเทียบปีต่อปี และราคาน้ำมันอาจเข้าสู่ช่วงขาลงระยะสุดท้าย โดยราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะลดลงเหลือระหว่าง 37-42 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ภายในปี 2573 และอาจลดลงเหลือระหว่าง 28-32 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลภายในปี 2583 ก่อนที่จะร่วงลงไปอยู่ระหว่าง 10-18 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในปี 2593 ขณะที่เมื่อวันจันทร์ ตราสารน้ำมันดิบเบรนท์มีการซื้อขายที่ประมาณ 66.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

เกือบ 200 ประเทศได้รับรองข้อตกลงปารีสในปี 2558 โดยตกลงที่จะพยายามควบคุมการเพิ่มขึ้น ของอุณหภูมิโลกให้เหลือต่ำกว่า 2 องศาเซลเซียส เหนือระดับอุณหภูมิก่อนยุคอุตสาหกรรม และต้องพยายามควบคุมการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิไว้ที่ 1.5 องศาเซลเซียส ข้อตกลงนี้ยังคงเป็นโฟกัสสำคัญ ก่อนที่จะมีการประชุมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของสหประชาชาติครั้งที่ 26 (COP26) ซึ่งจะจัดขึ้นที่เมืองกลาสโกว์ ระหว่างวันที่ 1-12 พฤศจิกายนปีนี้

นักวิทยาศาสตร์ด้านสภาวะอากาศบางคนเชื่อในขณะนี้ว่า เป็นไปไม่ได้โดยสิ้นเชิงที่จะบรรลุเป้าหมายข้อหลังคือควบคุมอุณหภูมิไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียส และบทวิเคราะห์ของสหประชาชาติที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ชี้ว่า คำสัญญาที่ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกระบุว่า จะควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ยังห่างไกลมากจากมาตรการที่จำเป็นต่อการหลีกเลี่ยงผลกระทบ ที่รุนแรงสุดจากวิกฤติสภาวะอากาศ

แม้ วู้ด แมคเคนซีย้ำว่า รายงานของบริษัทเป็นสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต มากกว่าจะเป็นประมาณการที่น่าจะเกิดขึ้นมากที่สุด แต่อุตสาหกรรมก๊าซและน้ำมันก็ไม่สามารถวางใจได้  เพราะว่ามีความเสี่ยงมากเกี่ยวกับนโยบายว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศ และเทคโนโลยีที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

ในขณะเดียวกัน กำลังมีแรงขับเคลื่อนมากขึ้นที่จะทำให้อุตสาหกรรมก๊าซและน้ำมันถึงจุดตกต่ำเร็วขึ้น

เมื่อไม่กี่วันมานี้ มีกลุ่มนักลงทุนที่มีสินทรัพย์รวมกันราว 11 ล้านล้านดอลลาร์ ได้ออกมาเรียกร้องให้ธนาคารใหญ่ของโลกระงับสินเชื่อแก่บริษัทเชื้อเพลิงฟอสซิลและให้ความสำคัญกับเป้าหมายที่ กำหนดไว้ในข้อตกลงว่าด้วยสภาวะอากาศปารีส

กลุ่มนักลงทุนซึ่งมีทั้งหมด 35 ราย ได้ขอให้ธนาคาร 27 แห่งซึ่งรวมถึง เจพีมอร์แกน เอชเอสบีซี และยูบีเอส ให้คำมั่นที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินงานภายในปี 2593 โดยรวมถึงการดำเนินงานที่มาจากการปล่อยกู้ การซื้อขาย และการทำอันเดอร์ไรท์ด้วย และให้ตั้งเป้าหมายในการลดก๊าซเรือนกระจกระหว่างกาล

นักลงทุนกลุ่มนี้ยังเรียกร้องให้ธนาคารขยายกิจกรรมสินเชื่อสีเขียว และถอนตัวออกจากโครงการที่ขัดแย้งกับข้อตกลงปารีสด้วย เนื่องจากมองว่า ในฐานะที่เป็นผู้รักษาเงินทุนหลักให้แก่เศรษฐกิจโลก ธนาคารมีบทบาทสำคัญในการพยายามจำกัดภาวะโลกร้อน

ด้วยแรงกดดันของผู้ถือหุ้น ผู้กำหนดนโยบาย และนักลงทุนที่เริ่มเชื่อมโยงการลงทุนเข้ากับเป้าหมายในการลดภาวะโลกร้อนของบริษัทต่าง ๆ และเป้าหมายในการใช้รถยนต์ไฟฟ้าของหลายประเทศ น่าจะเป็นตัวเร่งให้อุตสาหกรรมน้ำมันถึงยุคตกต่ำได้เร็วมากขึ้น ดังนั้นโอกาสที่ราคาน้ำมันจะร่วงลงไปถึง 10 เหรียญจึงมีความเป็นไปได้ และอาจจะเร็วกว่าปี 2593 เสียด้วยซ้ำ หากสถานการณ์โควิด-19 ยังยืดเยื้อ การเดินทางระหว่างประเทศไม่สามารถเกิดขึ้นได้ และเศรษฐกิจโลกยังโงหัวได้ยาก

Back to top button