ESSO กับธุรกิจพาณิชยกรรมด้าน “ยางมะตอย”

เมื่อพูดถึง เอสโซ่ หลายคนจะนึกถึงสถานีบริการน้ำมันเอสโซ …


เมื่อพูดถึง เอสโซ่ หลายคนจะนึกถึงสถานีบริการน้ำมันเอสโซ่เป็นหลัก  แต่ในความจริงแล้ว ยังมีธุรกิจอีกด้านหนึ่งที่ทำรายได้ที่สำคัญให้แก่เอสโซ่ คือ ธุรกิจพาณิชยกรรมน้ำมันเชื้อเพลิง และ ผลิตภัณฑ์ยางมะตอยหรือแอสฟัลต์ ซึ่งมีเรื่องราวน่าสนใจที่เราจะได้รู้จักธุรกิจทางด้านนี้มากขึ้น

คุณวันชัย วิจักรชน ผู้จัดการฝ่ายขายธุรกิจพาณิชยกรรมน้ำมันเชื้อเพลิง บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO ได้กล่าวถึงธุรกิจพาณิชยกรรม (Commercial Sales) ของเอสโซ่ว่า ประกอบด้วย 8 ภาคธุรกิจหลักๆ ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิต ขนส่ง ก่อสร้าง เกษตรกรรม การค้าส่ง การบิน การเดินเรือ และ ส่งออกต่างประเทศ

โดยผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายแก่ลูกค้าได้แก่ น้ำมันดีเซล น้ำมันเบนซิน น้ำมันเตา ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ยางมะตอย (Asphalt) น้ำมันอากาศยาน (Jet-A1) และน้ำมันกลั่นอุตสาหกรรม (Industrial Distillate) ซึ่งปริมาณการขายทั้งหมดในปี 2563 คิดเป็นร้อยละ 54% ของปริมาณการขายทั้งหมดของบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

ในช่วงที่เกิดวิกฤตการณ์โควิด  หนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ประสบความสำเร็จ สามารถฝ่ามรสุมโควิดมาได้อย่างน่าประทับใจ  จนเป็นธุรกิจที่ได้รับรางวัลจากบริษัทแม่คือ เอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่น ในด้านการออกผลิตภัณฑ์ใหม่คุณภาพดีให้แก่ลูกค้าก็คือ ธุรกิจยางมะตอย

ธุรกิจยางมะตอย (Asphalt)

เอสโซ่ มีการทำธุรกิจด้านยางมะตอย ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งโรงกลั่นน้ำมันที่ศรีราชาตั้งแต่ปี 2510  ซึ่งผลิตภัณฑ์จากโรงกลั่นที่ผลิตได้ประกอบด้วย  น้ำมันเชื้อเพลิงทั้งเบนซินและดีเซล  น้ำมันเตา ก๊าซแอลพีจี  เคมีภัณฑ์ และ ยางมะตอยรวมถึงยางมะตอยน้ำ  โดยยางมะตอยที่เราจัดจำหน่ายส่วนมากนำไปใช้สำหรับการปูถนนและทางด่วนสายหลักๆ ตลอดจนสะพานและสนามบินต่างๆ

สำหรับธุรกิจยางมะตอย  คุณวันชัยมีทีมงาน นำโดยคุณพิทักษ์  สิทธิโชคชูชัย ผู้จัดการธุรกิจผลิตภัณฑ์พิเศษ (ยางมะตอย/กำมะถัน) ซึ่งได้กล่าวเพิ่มเติมว่า  เราให้ความสำคัญและพิถีพิถันในการคัดเลือกน้ำมันดิบและมีการตรวจสอบคุณภาพการผลิตยางมะตอบอย่างเข้มงวด เพื่อให้มีคุณภาพที่เหมาะสมและตรงตามข้อกำหนดทางอุตสาหกรรม  ซึ่งจากการทำงานที่ผ่านมา  ปัจจัยเหล่านี้ ได้พิสูจน์แล้วว่า เราคือหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุดในการเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายยางมะตอย  และเรามีเครือข่ายของเอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำด้านพลังงานของโลก ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีการผลิตยางมะตอยระดับโลกอีกด้วย

เอสโซ่ จำหน่ายยางมะตอยหลากหลายชนิด โดยกลั่นยางมะตอยเกรด Paving Asphalt AC 60/70 ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ยางมะตอยเกรดเพนนิเทรชัน (penetration) ที่ผลิตจากน้ำมันดิบที่คัดสรรมาเป็นพิเศษ ผ่านกระบวนการกลั่นที่มีการควบคุมคุณภาพอย่างพิถีพิถัน โดยผ่านมาตรฐานกรมทางหลวง ซึ่งจำหน่ายแพร่หลายในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน

นอกจากนี้ เรายังผลิต Cutback Asphalt MC 70 TIS คือผลิตภัณฑ์ยางมะตอยประเภทแข็งตัวเร็วปานกลาง ที่ผสมกับสารทำละลาย (solvent) เพื่อลดความหนืด ทำให้มีคุณสมบัติเป็นของเหลวมากขึ้นเพื่อใช้ในการ Prime Coat หรือ การรองพื้นก่อนปูยางมะตอยบนถนนโดยไม่จำเป็นต้องใช้อุณหภูมิสูง

ด้วยความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนวิวัฒนาการของอุตสาหกรรมยางมะตอย เรามีความภาคภูมิใจในความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี เช่นการคิดค้นผลิตยางมะตอยน้ำชนิดไอออนบวก (Cationic Asphalt Emulsion)  มากว่า 20 ปี  โรงงานผลิตยางมะตอยน้ำ (Asphalt Emulsion) ที่คลังน้ำมันศรีราชา เป็นการนำยางมะตอย จากการกลั่นมาผสมกับวัตถุดิบที่คัดสรรแล้ว ด้วยสารเคมีที่เรียกว่า Emulsifier ซึ่งจะทำให้อนุภาคของยางมะตอยเกิดการกระจายตัวและสามารถรวมตัวกับน้ำได้  ทำให้ได้ยางมะตอยเหลวโดยไม่ต้องใช้ความร้อน จึงทำให้สามารถใช้งานที่อุณหภูมิต่ำได้ ยางมะตอยน้ำจะนำมาใช้ในการปูผิวทางและป้องกันพื้นผิวถนนจากน้ำ ฝุ่น และแสงแดด

รวมทั้งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม  เราผลิตยางมะตอยน้ำชนิดไอออนบวกในประเทศไทยดังนี้ Asphalt Emulsion CRS-2 ประเภทเซ็ตตัวเร็ว, Asphalt Emulsion CMS-2h ประเภทเซ็ตตัวเร็วปานกลาง, Asphalt Emulsion CSS-1 ประเภทเซ็ตตัวช้า โดยใช้กระบวนการ SMEP (Static Mixer Emulsification Process) ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของเอ็กซอนโมบิล  สามารถควบคุมคุณลักษณะที่สำคัญ 2 ประการ คือ การกระจายขนาดอนุภาคของแอสฟัลต์ (ซึ่งมีผลกับเสถียรภาพต่อการเก็บ และค่าความหนืด) และการถ่ายโอนอิมัลซิไฟเออร์ระหว่างส่วนที่เป็นแอสฟัลต์และส่วนที่เป็นน้ำ ซึ่งมีผลกับการยึดเกาะ และการเซ็ตตัวของอิมัลชัน

ก้าวล้ำด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่ Asphalt Emulsion EAP 

ในปี 2563 บริษัทฯ ได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ Asphalt Emulsion EAP (Emulsified Asphalt Prime) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพของงาน Prime Coat ที่ให้ประสิทธิภาพในการซึมผ่านชั้นพื้นทางได้ดี เซ็ตตัวเร็วกว่า คุ้มค่ากว่า ใช้เวลาปิดการจราจรสั้นลง และสามารถบริหารระยะเวลาในแต่ละโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพ  รวมทั้งได้จัดสัมมนาเพื่อเพิ่มพูนความรู้เกี่ยวกับยางมะตอยน้ำ ให้แก่ลูกค้ายางมะตอยของเอสโซ่ทั่วประเทศ อีกทั้งเป็นการเผยแพร่ภาพลักษณ์ที่ดีที่ครอบคลุมถึงผลิตภัณฑ์คุณภาพจากโรงกลั่นน้ำมันเอสโซ่ศรีราชา รวมทั้งการทดสอบประสิทธิภาพการซึมผ่านของผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ ซึ่งได้รับความสนใจจากลูกค้าที่เข้าร่วมสัมมนาครั้งนี้เป็นอย่างดี

สำหรับคลังน้ำมันเอสโซ่ศรีราชา ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 9001 และ IS0 14001 ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการสร้างมาตรฐานคุณภาพสูงสุดและแสดงถึงความรับผิดชอบด้านสิ่งแวดล้อม

คุณพิทักษ์กล่าวเพิ่มเติมว่า “บริษัทฯ ได้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพการให้บริการการเข้ารับยางมะตอยเกรด AC60/70 โดยเปิดจ่าย 24 ชั่วโมงทุกวัน และเปิดจ่ายยางมะตอยน้ำเพิ่มในวันเสาร์และอาทิตย์ ไม่มีวันหยุด เพื่อให้ลูกค้าได้รับความสะดวกและพึงพอใจในการเข้ารับยางมะตอย อีกทั้งยังปรับปรุงระบบการการให้บริการด้านการรับออร์เดอร์ให้มีความสะดวกรวดเร็วขึ้น คาดว่าน่าจะสามารถเพิ่มยอดจำหน่ายได้ไม่น้อยกว่า 10% ในปีนี้ จากยอดจำหน่ายยางมะตอยที่ 200,000 ตันในปีที่แล้ว”

ธุรกิจยางมะตอย ที่ประสบผลสำเร็จทั้งในเมืองไทย และต่างประเทศ

คุณวันชัย ซึ่งเป็นผู้นำในธุรกิจพาณิชยกรรมเอสโซ่ กล่าวเสริมว่า “ความสำเร็จของเราเกิดจากการทำงานเป็นทีมครับ เริ่มจากความมุ่งมั่นที่จะผลิตยางมะตอยคุณภาพดี เพื่อตอบสนองความต้องการในการก่อสร้างถนนหนทางทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งมีการส่งออกไปยังประเทศกัมพูชา และลาว เรามีทีมขายและทีมเทคนิคที่มากด้วยประสบการณ์ ที่เข้าใจความต้องการของลูกค้า ฝ่ายบริการลูกค้าของเราคอยเป็นตัวเชื่อมประสานงานความต้องการของลูกค้าเช่นกัน

ผลิตภัณฑ์ยางมะตอยเรามีประสิทธิภาพคุ้มราคาและเชื่อถือได้เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ด้วยการผสมผสานช่องทางการจำหน่ายและความสามารถในการดำเนินงานของคลังน้ำมันเราที่มีการปรับปรุงตลอดเวลา เพื่อความสะดวกและความพึงพอใจของลูกค้าเป็นสำคัญ”

กล่าวได้ว่า เอสโซ่ นั้นมีธุรกิจผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายเพื่อรองรับต่อความต้องการของลูกค้า ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ขององค์กรที่จะเติมเต็มพลังชีวิต ด้วยประสบการณ์พลังงานที่เหนือกว่า  พร้อมด้วยเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก สำหรับลูกค้า ผู้ใช้ ประชาชนโดยรวม ซึ่งจะส่งเสริมสนับสนุนการเจริญเติบโตของประเทศอย่างมั่นคงต่อไป

Back to top button