CHAYO อัดฉีด 1.2 พันลบ.ช้อปหนี้เข้าพอร์ต ดันรายได้โตทะลุเป้า 25%

CHAYO อัดฉีดงบ 1,000 – 1,200 ล้านบาท ซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเติมพอร์ต แย้มอยู่ระหว่างเจรจาลูกค้า 2 ราย เตรียมขาย NPA ปั๊มรายได้โตไม่ต่ำกว่า 25%


นายสุขสันต์ ยศะสินธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชโย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CHAYO ผู้ดำเนินธุรกิจบริหารสินทรัพย์ทั้งที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน ธุรกิจเจรจาติดตามเร่งรัดหนี้สินและกิจการศูนย์บริการข้อมูลลูกค้า เปิดเผยถึง ผลประกอบการของบริษัทฯ ในไตรมาส 1/2564 กำไรสุทธิอยู่ที่ 64.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 75.95% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 36.89 ล้านบาท รายได้รวมอยู่ที่ 176.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59.25% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวม 110.79 ล้านบาท

ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของรายได้ส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้สินเชื่อแก่สินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ซึ่งอยู่ที่ 162.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 66.65 ล้านบาท เนื่องจากในช่วงปลายปี 2563 บริษัทได้ซื้อพอร์ตหนี้ด้อยคุณภาพชนิดไม่มีหลักประกันมาบริหารเพิ่มเติมมากขึ้น ส่งผลให้ในไตรมาส 1/2564 บริษัทฯ มียอดจัดเก็บได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 4 ประมาณ 37.50%) และมียอดรายได้จากการขายหนี้แบบมีหลักประกันจำนวน 49.90 ล้านบาท ในขณะที่ไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ไม่มีการจัดเก็บและยอดรายได้จากการขายหนี้ด้อยคุณภาพชนิดมีหลักประกัน ส่งผลให้รายได้จากเงินให้สินเชื่อแก่สินทรัพย์ด้อยคุณภาพเพิ่มขึ้น

โดยไตรมาส 1/2564 บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้น จำนวน 141.72 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 80.30 ของรายได้รวม โดยกำไรขั้นต้นของบริษัทเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนจำนวน 58.10 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 69.48% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สาเหตุการเพิ่มขึ้นของกำไรขั้นต้นส่วนใหญ่เกิดจากการที่บริษัทฯ มีรายได้จากเงินให้สินเชื่อแก่สินทรัพย์ด้อยคุณภาพเพิ่มขึ้น

“ผลงานในไตรมาส 1 ปีนี้ ออกมาเป็นที่น่าพอใจ กำไรโตกว่า 75.9% ส่วนรายได้โตกว่า 59% เป็นผลจากความสำเร็จในการบริหารหนี้ด้อยคุณภาพของบริษัทฯ โดยเงินลงทุนที่ใช้ไปในช่วงที่ผ่านมาเริ่มออกดอกออกผล ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าเจรจาซื้อหนี้ด้อยคุณภาพทั้งที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกันจากสถาบันการเงินเข้ามาบริหารเพิ่มอย่างต่อเนื่องโดยตั้งเป้าไว้ประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยในด้านเงินทุนบริษัทมีความพร้อมเป็นอย่างยิ่ง

โดยบริษัทฯ ได้รับเงินจากการแปลงใบสำคัญแสดงสิทธิกว่า 500 ล้านบาทส่งผลให้ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2564 บริษัทฯ มีเงินคงเหลือกว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารและขยายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันมีการเจรจากับทางสถาบันการเงินหลายราย เบื้องต้นคาดว่าภายในช่วงไตรมาส 2/2564 จะได้ข้อสรุปไม่น้อยกว่า 1-2 ดีล และจะมีการซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาเพิ่มสูงที่สุดในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งเป็นไปตามซีซันนอลของธุรกิจโดยปกติ และมั่นใจว่าผลดำเนินงานของบริษัทจะยังมีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 25% ตามเป้าหมาย” นายสุขสันต์ กล่าว

ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อภาพเศรษฐกิจโดยรวมอย่างมาก แม้ว่าภาครัฐจะมีการออกมาตรการเข้ามาช่วยเหลือลูกหนี้อย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ดีก็ไม่สามารถช่วยเหลือลูกหนี้ทุกรายได้ โดยคาดว่าหนี้เสียหรือ NPL ในระบบมีแนวโน้มจะขยายตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจแตะที่ระดับกว่า 5.0 – 5.5 แสนล้านบาท โดยคาดว่าสถาบันการเงินจะทยอยขายหนี้ออกมาเพิ่มมากขึ้นในปีนี้

อย่างไรก็ดี จากการบริหารจัดการสินทรัพย์ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯ มีการขาย NPA และ NPL อย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้บริษัทมีแผนที่จะขายสินทรัพย์ที่มีหลักประกัน (NPL) และ/หรือ NPA แปลงใหญ่อย่างน้อย 1 แปลง โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 3/2564 ของปีนี้ (ทั้งนี้ในไตรมาสที่ 1/2564 บริษัทได้ขายหลักประกัน (NPL) ได้ประมาณ 49.90 ล้านบาท)

ขณะที่ธุรกิจปล่อยสินเชื่อในปี 2564 บริษัทวางเป้ายอดปล่อยสินเชื่อใหม่ไว้ที่ 150 – 200 ล้านบาท จากปีก่อนที่ปล่อยราว 50 – 60 ล้านบาท แต่ด้วยด้วยสภาวะทางเศรษฐกิจที่ยังคงมีความไม่แน่นอนสูง ทำให้บริษัทยังคงระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อใหม่ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดหนี้สงสัยจะสูญ (NPL) ขณะที่ NPL ปัจจุบันยังคงอยู่ในระดับต่ำมีเพียงไม่กี่แสนบาทเท่านั้น

ส่วน “บริษัทบริหารสินทรัพย์ ชโย เจวี จำกัด” (CHAYO JV) ปัจจุบันบริษัทได้รับใบอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว โดยอยู่ระหว่างการเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 55 ล้านบาทเป็น 1,800 ล้านบาทและอยู่ระหว่างเจรจากับนักลงทุนให้มาถือหุ้นร้อยละ 45 โดยบริษัทฯ คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในกลางเดือนมิถุนายน 2564 นี้

Back to top button