3 เหตุผลที่ราคาน้ำมันยังไม่ถึงจุดต่ำสุด

หนึ่งวันหลังจากที่สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ(ไออีเอ)กล่าวว่า ตลาดน้ำมันโลกกำลังจะมีความสมดุลตามที่รอคอยกันมานาน จอห์น คิลดัฟฟ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำมันที่เคยคาดการณ์ได้อย่างถูกต้องว่าน้ำมันจะปรับตัวลง ก็ยังคงยืนยันเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า น้ำมันดิบมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลง และในวันเดียวกันนั้น องค์การประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน(โอเปก)ก็เตือนว่า น้ำมันยังคงโอเวอร์ซัพพลาย


หนึ่งวันหลังจากที่สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ(ไออีเอ)กล่าวว่า ตลาดน้ำมันโลกกำลังจะมีความสมดุลตามที่รอคอยกันมานาน  จอห์น คิลดัฟฟ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำมันที่เคยคาดการณ์ได้อย่างถูกต้องว่าน้ำมันจะปรับตัวลง ก็ยังคงยืนยันเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า น้ำมันดิบมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลง และในวันเดียวกันนั้น องค์การประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน(โอเปก)ก็เตือนว่า น้ำมันยังคงโอเวอร์ซัพพลาย

นับตั้งแต่วันที่ 11 กุมภาพันธ์ที่น้ำมันดิบดิ่งลงต่ำสุด น้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส อินเตอร์มีเดียต(WTI) ได้ปรับตัวขึ้นประมาณ 70% แต่น้ำมันดิบ WTI ยังคงต่ำกว่าระดับประมาณ 114 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลที่ทำไว้เมื่อเดือนมิถุนายน 2557อยู่มากว่า 50%   

ในขณะที่ดูเหมือนว่าตลาดน้ำมันจะอยู่ในโหมดคึกคักในขณะนี้  คิลดัฟฟ์มองว่ามีสามปัจจัยที่ทำให้น้ำมันซบเซาแต่ได้ถูกมองข้าม

ปัจจัยแรกคือ เขาเชื่อว่าดอลลาร์จะยังคงส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมัน โดยคิดว่าดอลลาร์กำลังจะแข็งค่าขึ้น และไม่มีทางที่ดอลลาร์จะยังคงอ่อนตัวเช่นนี้ต่อไปเมื่อเทียบกับสกุลเงินใหญ่ๆที่กำลังแข็งค่าขึ้น  น้ำมันมีการซื้อขายในรูปดอลลาร์ดังนั้นเมื่อเงินดลอลาร์แข็งขึ้นก็จะกดดันต่อผู้ซื้อต่างชาติ

ปัจจัยที่สอง แนวโน้มในเอเชียสนับสนุนทฤษฎีของคิลดัฟฟ์ที่ว่าน้ำมันดิบมีแนวโน้มจะปรับตัวลง  โดยจุดอ่อนที่สำคัญที่สุดในขณะนี้อยู่ที่เอเชีย  ศูนย์กลางดีมานด์ของเอเชียที่มีความสำคัญต่อความสมดุลในตลาดน้ำมัน ทำท่าไม่ค่อยดี  ไม่ว่าจะเป็นจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้

ปัจจัยที่สาม ปัจจัยที่ชัดเจนมากขึ้นที่จะทำให้ราคาน้ำมันลดลง คือซัพพลาย คิลดัฟฟ์กล่าวว่า น้ำมันยังคงมากกว่าความต้องการทั่วโลกวันละประมาณ 1.5 ล้านบาร์เรล

 

แม้ว่าประเทศผู้ผลิตน้ำในรายใหญ่ๆหลายประเทศกำลังมีปัญหาในการผลิตอย่างรุนแรง แต่คิลดัฟฟ์เชื่อว่าจะสามารถแก้ไขได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเครื่องจักรและท่อส่งน้ำมันในไนจีเรีย และการปิดโรงงานที่เกี่ยวกับไฟป่าในภูมิภาคที่มีน้ำมันในชั้นหินของแคนาดา

ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นกว่า 1% เมื่อวานนี้หลังจากที่โกลด์แมน แซคส์ซึ่งคาดการณ์มานานแล้วว่าราคาน้ำมันจะปรับตัวลง ได้กล่าวว่า ภาวะโอเวอร์ซัพลายที่เกิดขึ้นเกือบสองปีได้ยุติแล้วหลังจากที่เกิดปัญหากับการผลิตน้ำมันทั่วโลกและทำให้น้ำมันขาดแคลนอย่างกะทันหัน

ตราสารน้ำมันดิบเบรนต์มีการซื้อขายที่ 48.50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อเช้าวานนี้ เพิ่มขึ้น 67 เซนต์ หรือ 1.4% จากเมื่อวันศุกร์  ส่วนตราสารน้ำมันดิบWTI ปรับตัวขึ้น 68 เซนต์ หรือ 1.5% อยู่ที่ 46.89 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ปัญหาที่เกิดขึ้นกับซัพพลายน้ำมันในไนจีเรีย เวเนซูเอล่า สหรัฐ และจีน ทำให้โกลด์แมน แซคส์มองแนวโน้มน้ำมันเปลี่ยนไปในทางตรงข้าม 

โกลด์แมน แซคส์ได้เตือนมานานว่า มีที่จัดเก็บน้ำมันไม่พอ และราคาน้ำมันส่อเค้าว่าจะล่มสลายอีกครั้ง แต่ในขณะนี้โกลด์แมน แซคส์ กล่าวว่า ตลาดน้ำมันน่าจะขาดดุลในเดือนพฤษภาคมเนื่องจากดีมานด์แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องและการผลิตลดลงอย่างรุนแรง

 

ในประเทศไนจีเรีย  บริษัทเอ็กซ์ซอน โมบิล ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ ก็ระงับการส่งออกจากแหล่งผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่สุดของประเทศและผู้ผลิตรายอื่นๆก็มีปัญหาในการผลิตหลังจากที่มีการก่อวิศนาศกรรม ทำให้กำลังการผลิตของไนจีเรียต่ำสุดในรอบหลายทศวรรษโดยเหลือประมาณ 1.65 ล้านบาร์เรลต่อวัน  

ส่วนในทวีปอเมริกา  ดูเหมือนว่า เวเนซูเอล่า ซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่กำลังจะล้มละลาย ซึ่งทำให้เกิดความวิตกว่าบริษัทน้ำมันแห่งชาติ พีดีวี เอสเอ จะผิดนัดชำระหนี้เนื่องจากบริษัทต้องชำระหนี้พันธบัตรเกือบ 5,000 ล้านดอลลาร์ในปีนี้

การผลิตน้ำมันของเวเนซูเอล่าได้ลดลงแล้วอย่างน้อย 188,000 บาร์เรลต่อวันนับตั้งแต่ต้นปีเนื่องจากบริษัทพีดีวี เอสเอ พยายามลงทุนเท่าที่จำเป็นเพื่อรักษากำลังการผลิตให้คงที่

ในสหรัฐ การผลิตน้ำมันดิบได้ลดลงเหลือ 8.8 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งต่ำกว่าที่มีการผลิตสูงสุดเมื่อปี 2558อยู่ 8.4% เนื่องจากภาคน้ำมันกำลังประสบกับกระแสล้มละลาย และในประเทศจีน กำลังการผลิตน้ำมันลดลง 5.6% เหลือ 4.04 ล้านบาร์เรล ต่อวันในเดือนเมษายน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

 

อย่างไรก็ดี ซัพลายน้ำมันจากโอเปกเพิ่มขึ้นหลังจากที่มีการยกเลิกมาตรการลงโทษต่ออิหร่าน โดยทำให้เกิดการแข่งขันเพื่อแย่งส่วนแบ่งตลาดระหว่างรัฐบาลเตหะราน และคู่แข่งอย่างซาอุดิอารเบีย อิรัก สหรัฐอาหรับอีมิเรตส์ และคูเวต

โอเปกผลิตน้ำมัน 32.44 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนเมษายน เพิ่มขึ้นจาก เดือนมีนาคม 188,000 บาร์เรลต่อวัน และนี่เป็นการผลิตที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2551 เป็นอย่างน้อย

กำลังการผลิตในแคนาดาที่ฟื้นตัวแล้ว และการเก็บน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐและในเอเชีย ก็ทำให้ราคาน้ำมันไม่สามารถพุ่งขึ้นได้อย่างเต็มที่

มอร์แกน สแตนเลย์เตือนว่า  น้ำมันคงคลัง อาจจำทำให้ราคาน้ำมันไม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่ และตลาดน้ำมันมีความวิตกว่าจะมีปัญหาในการผลิตอย่างยั่งยืน และผู้ผลิตน้ำมันอาจจะมีปฏิกิริยาตอบโต้

Back to top button