เปิดอัพไซด์ BEM-BTS ลุ้น “เปิดเมือง” กระตุ้นคนเดินทาง ดันธุรกิจฟื้นตัวแกร่ง!

เปิดอัพไซด์ BEM-BTS ลุ้นมาตรการผ่อนคลายล็อคดาวน์-เปิดเมือง ก.ย.นี้ กระตุ้นยอดคนเดินทางเพิ่มมากขึ้น ผลักดันผลงานฟื้นตัวแกร่ง โบรกฯ ประสานเสรียงแนะ “ซื้อ”


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจและรวบรวมบทวิเคราะห์เกี่ยวกับหุ้นที่จะได้รับประโยชน์จากการเปิดเมือง โดยพบว่า บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM และ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS เป็นหุ้นในกลุ่มขนส่งที่จะได้รับผลดีจากการเปิดเมืองด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ได้ทำการสำรวจราคาเป้าหมายจาก IAA Consensus และอัพไซด์จากราคาปัจจุบัน (24 ส.ค.2564) เพื่อประกอบการเข้าลงทุนดังกล่าว

โดยบล.เคทีบีเอสที ระบุในบทวิเคราะห์ (24 ส.ค.2564) ว่า จากการที่บล.เคทีบีเอสที ประเมินว่ามีโอกาสที่จะสามารถเปิดเมืองได้ในช่วงเดือน ก.ย.2564 และจะเปิดประเทศได้ในช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค.2564 จากจำนวนผู้ได้รับวัคซีนที่มากขึ้น ซึ่งจะเป็นบวกต่อภาพรวมกิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งการจับจ่ายใช้สอย และการท่องเที่ยวในประเทศ ให้กลับมาฟื้นตัวได้

อย่างไรก็ตาม จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะยังขึ้นอยู่กับประเทศต่างๆ ทั่วโลกว่าจะมีการเปิดประเทศเช่นเดียวกันหรือไม่ ซึ่งปัจจุบันประเทศในกลุ่มยุโรปบางประเทศ และสหรัฐ สามารถให้ผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วสามารถเดินทางเข้าประเทศโดยไม่ต้องกักตัว และคาดว่าประเทศในเอเชียต่างๆ จะทยอยเปิดประเทศมากขึ้น ขณะที่จีนแนวโน้มการเปิดประเทศจะยังช้า เนื่องจากมีความระมัดระวังในการแพร่ระบาดค่อนข้างมาก

ทั้งนี้มองว่า BTS และ BEM จะได้ประโยชน์จากการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งโดยปกติคิดเป็นราว 3% ของผู้โดยสารรถไฟฟ้า ขณะที่การเปิดเมืองเต็มรูปแบบจะเป็นบวกต่อการเดินทางและจำนวนผู้ใช้บริการโดยรวมในประเทศให้เพิ่มสูงขึ้นด้วย

ขณะที่ ผู้สื่อข่าว” ได้รวมรวบอัพไซด์จากราคาเป้าหมาย IAA Consensus ของ BTS และ BEM มาดังนี้

หลักทรัพย์ ราคาล่าสุด 24 ส.ค.64 (บาท) ราคาเป้าหมาย IAA Consensus (บาท) อัพไซด์ %
BEM 8.55 10.02 17.19
BTS 9.25 11.63 25.73

ทั้งนี้ บล.ไทยพาณิชย์ ระบุในบทวิเคราะห์ (24 ส.ค.2564) แนะนำ BEM คาดผลประกอบการจะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 4/2564 หลังมีแนวโน้มคลายล็อกดาวน์

ส่วน บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (24 ส.ค.) ว่า แนะนำ “ซื้อ” หุ้น BEM จากประเด็นการเปิดเมืองกลับมาอีกครั้ง หลังจากตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ชะลอตัวลงและการฉีดวัคซีนที่เพิ่มขึ้ ต่อเนื่อง โดยในกรุงเทพฯ ที่มีผู้ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มแรกแล้วกว่า 82% ทำให้มีความหวังที่ ศบค.จะมีการผ่อนคลายกิจกรรมต่างๆ ให้มากขึ้น ทั้งนี้หากมีการผ่อนคลายมากขึ้นจริง ทางด่วนและรถไฟฟ้าที่จะฟื้นตัว โดยเฉพาะทางด่วนที่เป็นธุรกิจที่สร้างกำไรหลักซึ่งจะทำให้การดำเนินงานมีทิศทางที่ดีขึ้น

ส่วน บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ (13 ส.ค. 2564) BEM รายงานจำนวนรถใช้ทางด่วนและผู้โดยสารเดือนก.ค. ซึ่งเป็นเดือนที่มีการระบาดโควิด-19 รุนแรง และเริ่มใช้มาตรการควบคุมของรัฐ รถใช้ทางด่วนอยู่ที่ 6.27 แสนคันต่อวัน ลดลง 22% จากระหว่างเดือนที่ผ่านมา และลดลง 44% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และผู้โดยสาร 7.72 หมื่นเที่ยวต่อวัน ลดลง 36% จากระหว่างเดือนที่ผ่านมา และลดลง 69% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งต่ำกว่าที่ทางฝ่ายวิจัยคาดไว้ โดยคาดเดือนส.ค. จะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับเดือนก.ค. จากสถานการณ์การระบาดที่ยังไม่คลี่คลาย และคาดจะฟื้นตัวดีขึ้นในเดือนก.ย. เป็นต้นไป

ทั้งนี้ทางฝ่ายวิจัยคาดผลประกอบการในไตรมาส 3/2564 จะเป็นไตรมาสที่อ่อนตัวที่สุดในปี 2564 อย่างไรก็ตามด้วยราคาหุ้นที่ปรับตัวลงในช่วงที่ผ่านมา จึงมองว่าสะท้อนต่อการคาดการณ์ต่อผลกระทบดังกล่าวแล้ว ดังนั้น ยังคงแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าที่เหมาะสม 9.80 บาท

ขณะที่บทวิเคราะห์ในวันที่ 20 ส.ค.2564 บล.ทิสโก้ ระบุว่า จากการประชุมนักวิเคราะห์มีมุมมอง Neutral ต่อ BTS โดยคาด BTS จะได้รับผลกระทบมากสุดในไตรมาส 2 ปี 2564/2565 การระบาดโควิด-19 ที่รุนแรงในไตรมาสที่ส่งผลต่อธุรกิจสื่อ ธุรกิจรถไฟฟ้า (การรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก BTSGIF ลดลงตามจำนวนผู้โดยสาร) โดยคาดจะเห็นการฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง (ต.ค. –เม.ย.) หากสถานการณ์การระบาดคลี่คลาย การคลายล็อคดาวน์ และการเร่งการฉีดวัคซีนที่ครอบคลุม ด้วยราคาหุ้น BTS ยังคง Underperform ตั้งแต่การระบาดโควิด จากการได้รับผลกระทบโดยตรง และความยังไม่ชัดเจนของโครงการสายสีเขียว

อย่างไรก็ตามมอง ว่าราคาหุ้น ณ ปัจจุบันได้สะท้อนถึงแนวโน้มดังกล่าวไปแล้ว และคาดจะเห็นการฟื้นตัวในทุกธุรกิจของบริษัทในครึ่งปีหลังปี 2564/2565 ดังนั้น ยังคงแนะนำ “ซื้อ” BTS ราคาเป้าหมายใหม่ 10.30 บาท

ส่วน บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (20 ส.ค.2564) ว่า แนะนำ “ซื้อ” หุ้น BTS ที่ราคาเป้าหมาย 13.50 บาท จากธีมการฟื้นตัว โดยหุ้นปรับตัวลงจากความกังวลลอคดาวน์เข้มงวดขึ้นเป็นแค่กำไรสะดุดระยะสั้น พื้นฐานระยะยาวคงเดิมขนส่งมวลชนระบบรางจะเป็นวิธีเดินทาง หลักในเมือง คาดกำไรฟื้นตั้งแต่ครึ่งปีหลังปี 2564 และกำไรปี 2565 ระดับสูงสุดใหม่ 3.87 พันล้านบาท และการขยายสัมปทานสายสีเขียวจะเป็นอัพไซด์

ขณะที่ราคาหุ้นปรับตัวลงใน 2-3 เดือนที่ผ่านมาสะท้อนจำนวนผู้ใช้บริการและกำไรที่ลดลงจากลอคดาวน์ในไตรมาส 2/2564 ไปมากแล้ว เชื่อว่ากำไรที่ดีขึ้นในครึ่งปีหลังปี 2564 หนุนจากจำนวนผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้นจากการผ่อนลอคดาวน์จะเป็นปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้น

 

Back to top button