รฟท. เซ็นมอบทรัพย์สินให้ “เอสอาร์ทีฯ” บริหารแทน ตั้งเป้าปี 65 โอนครบ 3.16 พันลบ.

รฟท. ลงนามมอบทรัพย์สินให้  “เอสอาร์ที แอสเสท” เป็นผู้ดูแลบริหารจัดการแทน เริ่มทยอยโอน 75 สัญญา มูลค่า 1,645 ล้านบาทภายในต.ค.64 ตั้งเป้าหโอนทรัพย์สินทั้งหมด 12,839 สัญญา มูลค่า 3,166 ล้านบาท แล้วเสร็จภายในปี 2565


นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ร่วมกับ น.ส.ไตรทิพย์ ศิวะกฤษณ์กุล กรรมการบริษัท และรักษาการกรรมการผู้จัดการบริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด ได้ทำพิธีลงนามร่วมกันในบันทึกข้อตกลงระหว่างกัน เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นของการส่งมอบทรัพย์สินของ รฟท.ให้กับบริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด เป็นผู้ดูแลบริหารจัดการแทน อย่างไรก็ดี กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินทั้งหมดนั้นยังคงเป็นของ รฟท.เช่นเดิม

โดยในช่วงแรก รฟท. จะเริ่มทยอยโอนทรัพย์สินโครงการขนาดใหญ่ที่มีการทำสัญญาไว้แล้ว จำนวน 75 สัญญา มูลค่าทรัพย์สิน 1,645 ล้านบาท โดยใช้เวลาโอนเสร็จสิ้นภายในเวลา 2 เดือน ระหว่างเดือน ก.ย.-ต.ค. 2564 ซึ่งจะทำให้ เอสอาร์ที แอสเสท สามารถดำเนินการบริหารจัดการทรัพย์สินได้ทันที และหลังจากนั้นจะมีการทยอยโอนส่งมอบทรัพย์สินอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายดำเนินการโอนทรัพย์สินทั้งหมด 12,839 สัญญา มูลค่า 3,166 ล้านบาท แล้วเสร็จภายในปี 2565

ทั้งนี้ เอสอาร์ที แอสเสท จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการช่วยบริหารจัดการและสร้างรายได้ให้กับ รฟท.ทั้งด้านการบริหารสัญญาเช่า การจัดหาผู้ลงทุนและการเช่าพื้นที่เพื่อพัฒนาโครงการบนที่ดินของ รฟท. รวมทั้งการพัฒนาด้วยตนเอง การซื้อหรือเช่าที่ดินจากบุคคลภายนอกเพื่อพัฒนาหรือร่วมทุน หวังสร้างการเติบโตในระยะยาวให้แก่ รฟท. ซึ่งจะส่งผลให้ รฟท.มีรายได้จากการบริหารทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้น มีระบบบริหารจัดการที่มีมาตรฐานสากล และมีทางเลือกในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนอื่นๆ ตลอดจนยังส่งผลดีต่อภาพรวมในอีกหลายมิติ ทั้งมิติทางเศรษฐกิจในการช่วยกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ การจ้างงานการท่องเที่ยว  ด้านสังคมช่วยให้การบริหารพื้นที่ชุมชนที่บุกรุกสามารถดำเนินการให้มีประสิทธิภาพ ตลอดจนช่วยให้การบริหารจัดการทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมดีขึ้น

ท้ายนี้การรถไฟฯ คาดหวังว่าภายหลังการส่งมอบการบริหารทรัพย์สินแล้ว บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด ซึ่งถูกออกแบบมาให้เป็นอิสระและเป็นมืออาชีพด้านการจัดการอสังหาริมทรัพย์จะสามารถบริหารจัดการทรัพย์สินได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อการรถไฟแห่งประเทศไทย สามารถสร้างรายได้แก่องค์กร และเป็นฟันเฟืองสำคัญในการช่วยพลิกฟื้นการรถไฟฯ ให้กลับมาเป็นองค์กรที่มีความเข้มแข็ง สามารถดูแลและให้บริการแก่พี่น้องประชาชนตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนยุทธศาสตร์กระทรวงคมนาคมได้อย่างยั่งยืน” นายนิรุฒ กล่าว

Back to top button