SCGP มั่นใจรายได้ปีนี้ทะลุ 1 แสนลบ. รับรู้ส่วนแบ่งลงทุน-ดีมานด์ฟื้น เปิดปท.หนุน

SCGP มั่นใจรายได้ปีนี้ทะลุ 1 แสนลบ. หลังรับรู้ส่วนแบ่งลงทุน-ดีมานด์บรรจุภัณฑ์ฟื้น รับเปิดปท.หนุน และคาดปิดดีลซื้อกิจการ “Deltalab” ในไตรมาส 4 ราว 3 พันลบ.


นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าจะสามารถปิดดีลซื้อกิจการ Deltalab, S.L (Deltalab) บริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์คุณภาพสูง ประเทศสเปน ได้ในช่วงไตรมาส 4/2564 วางงบลงทุนราว 3,000 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้ปีนี้บริษัทจะใช้เงินลงทุนในการขยายธุรกิจรวมเป็น 20,000 ล้านบาท เพื่อรักษาความเป็นผู้นำโซลูชั่นด้านบรรจุภัณฑ์ครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน

ขณะที่ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี มองแนวโน้มตลาดบรรจุภัณฑ์ในภูมิภาคอาเซียนจะปรับตัวดีขึ้น ตามกำลังซื้อและความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ประกอบกับประสิทธิภาพในการผลิตสำหรับภาคอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีขึ้น ตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน แต่ยังคงต้องติดตามสถานการณ์ราคาพลังงานที่ส่งผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจทั่วโลก ส่วนตลาดในประเทศก็น่าจะปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากการเปิดประเทศในวันที่ 1 พ.ย.นี้จะส่งผลดีต่อประเทศ ทำให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามามากขึ้น ซึ่งจะหนุนธุรกิจร้านอาหาร สตรีทฟู้ด ให้กลับมาคึกคัก และยังเกิดการจับจ้ายใช้สอย การใช้บรรจุภัณฑ์มากขึ้นด้วย บริษัทจึงมั่นใจว่าจะสามารถทำรายได้จากการขายในปี 2564 เติบโตมากกว่า 100,000 ล้านบาท

เรามั่นใจว่ารายได้จากการขายปีนี้จะเติบโตกว่าปีก่อน หรือทะลุ 100,000 ล้านบาท จากการรับรู้ส่วนแบ่งเงินลงทุน และการเติบโตจากธุรกิจบรรจุภัณฑ์ โดย 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้แล้ว 89,078 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อนทั้งปีที่ทำได้ 93,388.33 ล้านบาทแล้ว ขณะเดียวกันมีกำไรสุทธิที่ 6,179 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อนทั้งปีที่ 6,457.48 ล้านบาท” นายวิชาญ กล่าว

ทั้งนี้บริษัทยังมีการบริหารต้นทุนที่ดี แม้ช่วงนี้ต้นทุนวัตถุดิบจะปรับตัวสูงขึ้น โดยบริษัทมุ่งเน้นการนำเสนอโซลูชั่น หรือออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้ตอบโจทย์กับความต้องการของลูกค้าในแต่ละช่วงเวลา เช่น ออกผลิตภัณฑ์กระดาษที่มีน้ำหนักเบาลงเพื่อสะดวกต่อการขนส่ง เป็นต้น ซึ่งบริษัทวางเป้าหมายจะรักษาระดับกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA margin) ปีนี้ให้อยู่ที่ 15 – 20% จากปัจจุบันอยู่ที่ 18%

สำหรับในปี 2565 บริษัทคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากปีนี้ จากการรับรู้ส่วนแบ่งเงินลงทุนในธุรกิจต่างๆ ในปีนี้เข้ามาเต็มปี รวมถึงการเติบโตจากภายใน (Organic Growth) และยังวางเป้าหมายรายได้ในอีก 4 ปีข้างหน้า (2564 – 2568) จะเติบโตเท่าตัว หรือ 100% จากปีนี้ จากการขยายการลงทุน หรือการทำ M&P อย่างต่อเนื่อง การขยายตลาดการส่งออก จากปัจจุบันที่มีการส่งออกไปในอินโดนีเซีย ราว 19%, เวียดนาม 12%, ฟิลิปปินส์ 4%, มาเลเซีย 2%, ประเทศอื่นๆ ในอาเซียนอีก 2% และประเทศอื่นๆ 16% ที่เหลือเป็นการขายในประเทศราว 45%

 

 

 

 

Back to top button