“ฟินันเซียฯ” ชู ORI “ท็อปพิค” เป้า 14 บ. ชี้งบ Q4 เด่น รับยอดโอน-โครงการใหม่หนุน

“ฟินันเซียฯ” ชู ORI “ท็อปพิค” แนะ “ซื้อ” เป้า 14 บ. มองงบไตรมาส 4 โตเด่น หนุนจากยอดโอน-เริ่มรับรู้โครงการใหม่ คาดกำไรปกติปีนี้ แตะ 2.80 พันลบ.  


บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (5 พ.ย. 2564) โดยประเมินบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ว่า ท่ามกลางความท้าทายจาก COVID-19 รอบใหม่และมาตรการล็อกดาวน์ รวมถึงมาตรการปิดแคมป์ 1 เดือน ส่งผลให้เลื่อนเปิดตัวแนวราบ 2 โครงการ ทำให้โครงการใหม่ไตรมาส 3/2564 ลดลงเป็น 3.20 พันล้านบาท เทียบกับไตรมาส 2/2564 ที่ 4.40 พันล้านบาท

อย่างไรก็ดียอดขายถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี 7.20 พันล้านบาท ลดลง 11% จากไตรมาสก่อน และลดลง 3% จากงวดเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นแนวราบ 30% และคอนโด 70% โดยแรงหนุนหลักกว่า 72% ของยอดขายทั้งหมดมาจากโครงการพร้อมอยู่ ส่วนที่เหลือจากการเปิดตัวคอนโดใหม่ 3 โครงการ ซึ่งได้รับผลตอบรับดี

ขณะที่ยอดขายจะเร่งตัวขึ้นในไตรมาส 4/2564 จากแผนเปิด 9 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 6.30 พันล้านบาท เป็นคอนโด 3 แห่ง และแนวราบอีก 6 แห่ง หนุนให้มองว่าทั้งปีมี Upside ราว 5% จากเป้ายอดขายที่ 2.90 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% จากงวดเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ทางฝ่ายวิจัยประเมินกำไรสุทธิไตรมาส 3/2564 ที่ 742 ล้านบาท ลดลง 13% จากไตรมาสก่อน แต่เพิ่มขึ้น 3% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งหากไม่รวมกาไรขายเงินลงทุนใน JV ราว 100 ล้านบาท จากการเซ็น JV 2 แห่ง กำไรปกติคาดอยู่ที่ 642 ล้านบาท ลดลง 2% จากไตรมาสก่อน และลดลง 10% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยยอดโอนคาดขยายตัวดี 17% จากไตรมาสก่อน และ 64% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เป็น 3.60 พันล้านบาท ได้แรงหนุนหลักจากคอนโดใหญ่สร้างเสร็จใหม่อย่าง Park Origin Phayathai มูลค่า 4.60 พันล้านบาท รวมถึงการโอนต่อเนื่องของ The Origin Ratchada Ladprao และยอดขายที่เร่งขึ้นของ Park 24 เฟส 2

สำหรับงบที่ชะลอตัวมีสาเหตุมาจาก (1) ส่วนแบ่งจาก JV ที่คาดว่าพลิกเป็นขาดทุน 15 ล้านบาท (เทียบกับไตรมาส 2/2564 ที่ 4 ล้านบาท และไตรมาส 3/2563 250 ล้านบาท) เนื่องจากไม่มีคอนโดสร้างเสร็จใหม่ และรับรู้ไปมากในช่วงก่อนหน้า (2)  อัตรากำไรขั้นต้นขายอสังหาฯคาดปรับลงเป็น 32.70% จาก 33.80% ในไตรมาส 2/2564 และ 35.40% ในไตรมาส 3/2563 หลังรับรู้รายได้แนวราบมากขึ้น และสต็อกคอนโดที่มาร์จิ้นต่ำลงอย่าง Park 24 เฟส 2

ขณะเดียวกันผลประกอบการไตรมาส 4/2564 จะขยายตัวจากไตรมาสก่อน และจากงวดเดียวกันของปีก่อน เป็นไตรมาสดีสุดของปี หนุนจากการเร่งโอน Park Origin Phayathai มากขึ้น และเริ่มรับรู้คอนโดใหม่ Notting Hill Rayong ทั้งนี้ คงคาดกำไรปกติปี 2564 ที่ 2.80 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และโตต่อเนื่อง 28% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เป็น 3.70 พันล้านบาทในปี 2565 หนุนจากคอนโดสร้างเสร็จใหม่ 7 แห่ง ซึ่งกระจายอยู่ในทุกไตรมาสโดยไฮไลท์โครงการ JV ขนาดใหญ่อย่าง Park Origin Thonglor, Park Origin Chula Samyan และ Park Origin Ratchathewi

อีกทั้งได้ปัจจัยบวกจากการผ่อนคลายมาตรการ LTV ถึงปลายปี 2565 ซึ่งเป็นบวกต่อทั้งคอนโดจากการช่วยระบายสต็อกพร้อมโอน 1 หมื่นล้านบาท และการโอน Backlog ที่รอรับรู้ในไตรมาส 4/2564 ถึงปี 2565 รวม 2.30 หมื่นล้านบาทให้ราบรื่นขึ้น รวมถึงแนวราบที่มีการรุกเปิดโครงการใหม่มากขึ้นและสามารถรับรู้ได้ทันภายในปีหน้า

อนึ่งทางฝ่ายวิจัยคงคำแนะนำ “ซื้อ” เป็น Top Pick และปรับไปใช้ราคาเหมาะสมปี 2565 ที่ 14 บาท อิงค่า PER ที่ 9.40 เท่า หรือค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง +1.50SD (เดิม 8.60 เท่า) โดยให้ Premium สะท้อนโมเดลธุรกิจที่แข็งแกร่งจากมากกว่าธุรกิจอสังหาฯ หลังขยายลงทุนในอุตสาหกรรมอื่น อาทิ ธุรกิจ Logistic, สุขภาพ, บริหารสินทรัพย์, พลังงาน และอาหาร รวมถึงมีจุดแข็งจากการปรับตัวได้เร็วตอบรับสภาพแวดล้อมและเมกะเทรนด์ที่เป็นบวกต่อการเติบโตอย่างมั่นคงและได้เปรียบคู่แข่ง

นอกจากนี้บริษัทฯ เตรียมปลดล็อกมูลค่าแฝงของบริษัทลูกธุรกิจบ้าน BRI ที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในไตรมาส 4/2564 ซึ่งมี Catalyst จากการให้สิทธิ Pre-emptive rights ผู้ถือหุ้น ORI ในการจองซื้อ BRI รวมถึงมีแผน Spin-Off หลายบริษัท อาทิ One Origin ธุรกิจโรงแรม, ออฟฟิศ, Mixed-use และ PRIMO บริการด้านอสังหาฯ คาดเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยใน 1 – 2 ปีข้างหน้า ขณะที่คาดกำไรปกติปี 2564 – 2565 ของ ORI เพิ่มขึ้น 20% CAGR สูงกว่ากลุ่มอสังหาฯที่ 7.5% CAGR แต่ราคาหุ้น ORI เทรดบน ค่า PE ปี 2565 เพียง 7.30 เท่า ซึ่งต่ำกว่ากลุ่มฯที่ 9.20 เท่า พร้อมคาดให้ปันผลดี 6% ต่อปี

Back to top button