โบรกฯแนะซื้อ SRICHA เป้า 23 บาท ชี้กำไร Q3 แตะ 84 ลบ. คว้า 2 งานใหม่หนุนแบ็กล็อกแกร่ง

โบรกฯ แนะซื้อ SRICHA เป้า 23 บาท ชี้กำไร Q3 แตะ 84 ล้านบาท หลังรับงานเพิ่ม หนุนแบ็กล็อกโตแกร่ง 2.3 พันล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้รายได้ไปอีก 2 ปีข้างหน้า ลุยประมูลงานอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ มีโครงการอื่นที่อยู่ระหว่างการเจรจาและคาดชัดเจนในกลางปี 2565 อีก 5 โครงการ มูลค่ารวม 6 พันล้านบาท


บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (9 พ.ย. 2564) โดยประเมิน บริษัท ศรีราชาคอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SRICHA คาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/2564 อยู่ที่ 84 ล้านบาท ลดลง 33% จากไตรมาสก่อน แต่เพิ่มขึ้น 20% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งใกล้เคียงกับที่เคยคาดการณ์ไว้ ตามทิศทางรายได้คาด อยู่ที่ 562 ล้านบาท ลดลง 18% จากไตรมาสก่อน แต่เพิ่มขึ้น 36% จากงวดเดียวกันของปีก่อน

โดยการลดลงเมื่อเทียบจากรายไตรมาส มีสาเหตุมาจาก (1) โครงการใหญ่ที่เป็นแหล่งรายได้หลักอยู่ในช่วงท้ายโครงการ (2) โครงการใหม่อย่างโครงการ TOP ทยอยเข้าเริ่มงานตั้งแต่เดือน ก.ย. แต่รับรู้รายได้เข้ามายังไม่มากจากปัญหางานโยธาของผู้รับเหมาหลักล่าช้า และ (3) COVID-19 ส่งผลให้โครงการ Harmony และ T3 ล่าช้าเล็กน้อย หลังเกิดการแพร่ระบาดในแคมป์ และหยุดก่อสร้าง 2 สัปดาห์ อย่างไรก็ดี เทียบกับไตรมาส 3/2563 ยังเติบโตดีตามปริมาณงานในมือที่สูงขึ้น

อีกทั้งล่าสุดมีการรับงานใหม่ 2 โครงการ เป็นงานท่อของประเทศสิงคโปร์ มูลค่า 500 ล้านบาท และงานส่วนเพิ่มของโครงการ Madagascar อีก 130 ล้านบาท หนุน Backlog ณ สิ้นไตรมาส 3/2564 คาดอยู่ที่ 2.30 พันล้านบาท ทยอยรับรู้ไปอีก 2 ปีข้างหน้า ขณะที่เดินหน้าประมูลงานเข้ามาเติมต่อเนื่อง โดยงานที่เป็นเป้าหมายหลักเป็นงานส่วนเพิ่มของโครงการที่อยู่ระหว่างทำทั้ง Madagascar ราว 370 ล้านบาท และ TOP รวมถึงโครงการ T4 ซึ่งเป็นงานต่อเนื่องจาก T3 มูลค่าราว 1.80 พันล้านบาท คาดรู้ผลในไตรมาส 1/2565 นอกจากนี้ มีโครงการอื่นที่อยู่ระหว่างการเจรจาและคาดชัดเจนในกลางปี 2565 อีก 5 โครงการ มูลค่ารวม 6 พันล้านบาท

ส่วนแนวโน้มกำไรไตรมาส 4/2565 คาดชะลอตัวเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน หลังจากที่โครงการ Harmony และ T3 ถูกส่งมอบ รวมถึงงานใหม่อย่าง TOP และงานท่อของสิงคโปร์เป็นช่วงเริ่มต้นโครงการ ทำให้รับรู้เข้ามาไม่มาก ทั้งนี้ทางฝ่ายวิจัยคงประมาณการกำไรปี 2564 ที่ 409 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 188% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ส่วนปี 2565 คาดขยายตัวต่อ 6% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เป็น 432 ล้านบาท บน Backlog ปัจจุบันรอรับรู้ในปีหน้า 1 พันล้านบาท รองรับ 42% ของคาดการณ์รายได้ก่อสร้างของทางฝ่ายวิจัยที่ 2.40 พันล้านบาท โดยโมเมนตัมผลประกอบการในไตรมาส 1/2565 จะยังอ่อนลงแต่จะโดดเด่นขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2/2565 หลังโครงการใหม่รับรู้รายได้เร่งขึ้นในลักษณะ S-Curve

ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยปรับไปใช้ราคาเหมาะสมปี 2565 ที่ 23 บาท โดยปรับลดค่า PER เล็กน้อยจากเดิม 18 เท่า เป็น 17 เท่า เทียบเท่าค่าเฉลี่ยย้อนหลังปี 2556 – 2563 (ไม่รวมปี 2560 – 2562 ที่ขาดทุน) สะท้อนอัตราการเติบโตของกำไรปี 2565 ที่ชะลอลง (ปี 2564 โตสูงจากฐานต่ำ เพิ่มขึ้น 188% จากงวดเดียวกันของปีก่อน) คงคำแนะนำ “ซื้อ” จาก Upside ที่เปิดกว้าง และแนวโน้มกำไรไตรมาส 3/2564 ดูดีกว่ากลุ่มฯ ที่คาดอ่อนแอ หดตัวแรงเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อนและปีก่อน แม้ทิศทางงบไตรมาส 4/2564 ถึงไตรมาส 1/2565 จะอ่อนลง แต่เป็นผลมาจากงานใหม่ที่อยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่ระยะกลาง – ยาวภาพยังเป็นบวกตั้งแต่ไตรมาส 2/2565 จากการรับรู้ Backlog ที่อยู่ระดับสูงสุดในรอบ 12 ปี และมีศักยภาพในการรับงานใหม่จากอุตสาหกรรมพลังงานที่ฟื้นตัวตามราคาน้ำมัน

Back to top button