PTTGC โชว์ผลงาน Q3 แกร่ง หนุน 9 เดือนพลิกกำไร 4.1 หมื่นลบ. รับรายได้ขายโต

PTTGC รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/64 มีกำไร 7 พันลบ. โต 671% จากปีก่อนกำไร 908 ลบ. ส่วนงวด 9 เดือนพลิกกำไร 4.17 หมื่นลบ. จากปีก่อนขาดทุน 6.20 พันลบ.


บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3 และงวด 9 เดือนแรกของปี 2564 มีกำไรสุทธิ ดังนี้

โดยผลประกอบการในไตรมาส 3/2564 บริษัทมีรายได้จากการขายรวม 112,173 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาส 2/2564และเพิ่มขึ้นร้อยละ 47 จากไตรมาส 3/2563 โดยรายได้จากการขายรวมมีแนวโน้มการปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นผลมาจากการปรับเพิ่มขึ้นของราคาขายของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีเนื่องจากปัจจัยสนับสนุนทางด้านอุปสงค์ที่ยังคงดีอย่างต่อเนื่องและอุปทานที่ตึงตัวจากการหยุดซ่อมบำรุงและการลดกำลังการผลิตของผู้ผลิตบางรายใน ภูมิภาค

ทั้งนี้ เช่นเดียวกับทิศทางราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตามราคาน้ำมันดิบและอุปสงค์ที่ฟื้นตัวภายหลังจากที่หลายประเทศทั่วโลกเริ่มผ่อนคลายมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

นอกจากนี้ในด้านปริมาณขายในไตรมาสนี้ บริษัทฯ มีปริมาณขายในภาพรวมเพิ่มขึ้นจากกำลังการผลิตของบริษัทฯที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีจากการขยายกำลังการผลิต รวมถึงยอดขายที่เพิ่มขึ้นของกำลังการผลิตเดิมระหว่างไตรมาส แม้จะมีปริมาณขายในกลุ่มผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมลดลงเนื่องจากการหยุดซ่อมบำรุงตามแผนในไตรมาสนี้ก็ตาม

ทั้งนี้ ทิศทางการปรับเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันดิบส่งผลให้บริษัทฯ มีต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับสูงขึ้นตาม โดยเฉพาะสำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์และกลุ่มผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง ส่งผลให้ในไตรมาส 3/2564 บริษัทฯ มีกำไรจากการดำเนินงานปกติอยู่ที่ 8,657 ล้านบาท ปรับตัวลดลงร้อยละ 17 จากไตรมาส 2/2564 แต่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 200 จากไตรมาส 3/2563

ขณะที่มี Adjusted EBITDA ในไตรมาสนี้อยู่ที่ 14,080 ล้านบาท ปรับตัวลดลงร้อยละ 8 จากไตรมาส 2/2564 แต่ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 125 จากไตรมาส 3/2563 ซึ่งเมื่อพิจารณารวมถึงผลจากการที่บริษัทฯ รับรู้ผลกำไรจากสต๊อกน้ำมันและการกลับรายการขาดทุนจากการปรับ มูลค่าสินค้าคงเหลือให้เท่ากับมูลค่าสุทธิที่จะได้รับ (Stock Gain Net Reversal of NRV) เป็นกำไรรวม 1,171 ล้านบาท ผลขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์เพื่อประกันความเสี่ยง 1,676 ล้านบาท และผลขาดทุนทางบัญชีจากอัตราแลกเปลี่ยน 1,147 ล้านบาท ส่งผลให้ในไตรมาส 3/2564 บริษัทฯมีกำไรสุทธิรวม 7,005 ล้านบาท (1.56 บาท/หุ้น) ปรับตัวลดลงร้อยละ 72 จากไตรมาส 2/2564 โดยในไตรมาส 2/2564 บริษัทฯได้มีบันทึกรายการพิเศษที่เกี่ยวข้องกับการขายหุ้นสามัญของบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GSPC

โดยในไตรมาสนี้กลุ่มผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์และกลุ่มผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องมีผลประกอบการลดลง โดยมีสาเหตุหลักมาจากราคาผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกโพลีเอทิลีน (PE) เฉลี่ยที่ปรับตัวลดลงร้อยละ 5 ในขณะที่ราคาวัตถุดิบแนฟทาและแอลพีจีปรับตัวสูงขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ ส่งผลให้กลุ่มผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์และกลุ่มผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องมี Adjusted EBITDA Margin ในไตรมาสนี้อยู่ที่ร้อยละ 18 ปรับตัวลดลงทั้งจากไตรมาสก่อนหน้าและไตรมาส 3/2563 กลุ่มผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์มีผลประกอบการที่ดีขึ้น โดยมีส่วนต่างผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ (BTX P2F) อยู่ที่ 188 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าและไตรมาส 3/2563 ตามทิศทางความต้องการการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ยังอยู่ในระดับสูง

รวมถึงอุปทานที่ปรับลดลงในตลาดและมีผลกำไรจากตราสารอนุพันธ์เพื่อประกันความเสี่ยงผลประกอบการในกลุ่มธุรกิจ Performance Materials and Chemicals ยังคงดีอย่างต่อเนื่อง โดยปรับตัวเพิ่มขึ้น จากทั้งไตรมาสก่อนหน้าและไตรมาส 3/2563 ทั้งจากธุรกิจผลิตภัณฑ์ฟี นอล กลุ่มผลิตภัณฑ์โพรพิลีนออกไซด์ (Propylene Oxide: PO) และกลุ่มผลิตภัณฑ์โพลีออลส์ (Polyols) ที่ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากทั้งด้านอุปสงค์ที่ยังดี และอุปทานที่ตึงตัว

ขณะที่ในไตรมาสนี้ธุรกิจโรงกลั่นมีค่าการกลั่น (GRM) อยู่ที่ 3.20 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าและไตรมาส 3/2563 ตามส่วนต่างผลิตภัณฑ์หลักปรับตัวเพิ่มขึ้นตามอุปสงค์ที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม มีผลประกอบการอ่อนตัวลงสาเหตุหลักมาจากการหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่นเป็นเวลา 25 วันในเดือนกันยายน 2564 ส่งผลให้ปริมาณขายปรับตัวลดลง รวมถึงมีผลขาดทุนจากตราสาร อนุพันธ์เพื่อประกันความเสี่ยงที่สูงขึ้นในไตรมาสนี้

ทั้งนี้ บริษัทฯ มีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนที่บริษัทฯ รับรู้จำนวน 1,295 ล้านบาท ปรับลดลงจากไตรมาส 2/2564 สาเหตุหลักเนื่องจากการหยุดซ่อมบำรุงตามแผนของบริษัทในกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมี รวมถึงการหยุดรับรู้ผลกำไรจากธุรกิจโรงไฟฟ้าภายหลังจากที่ลดสัดส่วนการถือหุ้นใน GSPC เสร็จสิ้นตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมิถุนายน 2564

Back to top button