BPP กระแสเงินสดแกร่ง! ลุยขยายพอร์ตธุรกิจรับกลยุทธ์ “Greener & Smarter”

BPP ไตรมาส 3 กระแสเงินสดแกร่ง ลุยขยายพอร์ตธุรกิจตามกลยุทธ์ “Greener & Smarter” เพื่อเปลี่ยนผ่านสู่การผลิตพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในขณะเดียวกัน ยังมุ่งแสวงหาโอกาสขยายการเติบโตของกำลังผลิตไฟฟ้าในสัดส่วนที่สมดุล ระหว่างพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไปและพลังงานหมุนเวียนในประเทศที่มีศักยภาพ


นายกิรณ ลิมปพยอม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP กล่าวว่า บริษัทยังคงเดินหน้าสร้างความเติบโตอย่างต่อเนื่องและยังสามารถรักษาเสถียรภาพในการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าทุกแห่งแม้เผชิญกับความท้าทายในการบริหารจัดการต้นทุนเชื้อเพลิงที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นแต่บริษัทฯ ยังคงสามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยโรงไฟฟ้าเอชพีซีใน สปป.ลาว มีการหยุดซ่อมบำรุงตามแผนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเดินเครื่องให้สามารถดำเนินงานได้ต่อเนื่องและมั่นคง

ส่วนโรงไฟฟ้าบีแอลซีพีในไทยสามารถรักษาเสถียรภาพเดินเครื่องจ่ายไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งโรงไฟฟ้าทั้ง 2 แห่ง มีค่าความพร้อมจ่าย (Equivalent Availability Factor: EAF) ในอัตราร้อยละ 75 และร้อยละ 99 ตามลำดับ

ด้านโรงไฟฟ้านาโกโซ (Nakoso IGCC) ในญี่ปุ่น ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ในกลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไป และได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (Commercial Operation Date: COD)  ไปในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา และบริษัทฯ เริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าดังกล่าวในไตรมาส 3 เป็นครั้งแรก ซึ่งช่วยเสริมให้กระแสเงินสดของบริษัทฯ แข็งแกร่งขึ้นได้เป็นอย่างดี

ด้านโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่นและในจีนคงประสิทธิภาพการจ่ายไฟได้เป็นอย่างดี แม้สภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย            และล่าสุด บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการลงทุนโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple I ในสหรัฐฯ ซึ่งบริษัทฯ จะสามารถรับรู้รายได้ทันทีในไตรมาส 4 นับเป็นผลสำเร็จจากการดำเนินงานต่อยอดระบบนิเวศทางธุรกิจภายในกลุ่มบ้านปู ซึ่งมีฐานธุรกิจผลิตพลังงานอย่างแหล่งก๊าซธรรมชาติบาร์เนตต์ (Barnett) ในรัฐเท็กซัส รวมถึงการลงทุนในครั้งนี้ยังเป็นการสะท้อนถึงการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีคุณภาพสอดคล้องกับกลยุทธ์ Greener & Smarter

สำหรับโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple I ตั้งอยู่ในรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา เป็นโรงไฟฟ้าที่ใช้เทคโนโลยี Combined Cycle Gas turbine หรือ CCGT มีกำลังการผลิตตามสัดส่วนการลงทุนของ BPP 384 เมกะวัตต์ ซึ่งเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (Commercial Operation Date: COD) เรียบร้อยแล้วและสามารถสร้างกระแสเงินสดได้ทันที โดยโรงไฟฟ้าแห่งนี้สามารถผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าเพื่อรองรับความต้องการไฟฟ้าในพื้นที่ตอนกลางของรัฐเท็กซัสครอบคลุมกว่า 750,000 ครัวเรือน

โดยนับเป็นอีกก้าวสำคัญในการดำเนินตามแผนกลยุทธ์เพื่อก้าวสู่ตลาดซื้อขายไฟฟ้าที่มีความก้าวหน้าและเป็นตลาดซื้อขายไฟฟ้าที่เปิดเสรี สะท้อนการสร้างมูลค่าเพิ่มจากการผนวกกำลังภายในกลุ่มบ้านปูผ่านการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และทรัพยากรที่มีเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการลงทุนและเสริมสร้างการเติบโต

ด้านโรงไฟฟ้าซานซีลู่กวง (Shanxi Lu Guang: SLG) ในจีน กำลังผลิตตามสัดส่วนการลงทุน 396 เมกะวัตต์ ได้เริ่มเดินเครื่องเพื่อผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าให้กับสายส่งหลักของจีนแล้วและกำลังเตรียมพร้อมรอการจ่ายไฟเชิงพาณิชย์ ขณะเดียวกัน โครงการโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างอีก 3 แห่ง มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง ทั้งโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่น 2 โครงการ ได้แก่ เคเซนนุมะ (Kesennuma) กำลังผลิต 20 เมกะวัตต์ และชิราคาวะ (Shirakawa) กำลังผลิต 10 เมกะวัตต์ คาดว่าจะ COD ในไตรมาส 4/2564 และไตรมาส 1/2565 ตามลำดับ ด้านโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมหวินเจา (Vinh Chau) ระยะที่ 1 ในเวียดนาม กำลังผลิต 30 เมกะวัตต์ คาดว่าจะ COD ในไตรมาส 1/2565

BPP ยังคงเดินหน้ามองหาโอกาสการลงทุนที่เหมาะสมตามกลยุทธ์ Greener & Smarter เพื่อเปลี่ยนผ่านสู่การผลิตพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและชาญฉลาดยิ่งขึ้น โดยให้ความสำคัญต่อการลงทุนในสินทรัพย์ที่สามารถสร้างกระแสเงินสดได้ทันที ในขณะเดียวกัน ยังมุ่งแสวงหาโอกาสขยายการเติบโตของกำลังผลิตไฟฟ้าในสัดส่วนที่สมดุล ระหว่างพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไปและพลังงานหมุนเวียนในประเทศที่มีศักยภาพ รวมไปถึงการสร้างมูลค่าเพิ่มจากการผนึกกำลังหรือ Synergy ระหว่างกลุ่มบ้านปูไปพร้อมกับการยึดมั่นในหลักความยั่งยืน หรือ ESG เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนในทุกประเทศที่เราเข้าไปดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างผลตอบแทนที่เหมาะสมแก่ผู้มีส่วนได้เสียอย่างยั่งยืนต่อไป”  นายกิรณ กล่าวปิดท้าย

Back to top button