“นายก” ยันไม่ปิดประเทศ! แนะปชช.ฉีดวัคซีน – เล็งเลื่อนเปิดผับบาร์

นายกฯ ยืนยันว่าจะไม่มีการปิดประเทศแม้จะมีเรื่องของการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน พร้อมย้ำขอให้ประชาชนฉีดวัคซีนให้มากที่สุด – จ่อเลื่อนเปิดธุรกิจประเภทผับบาร์


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน โดยยืนยันว่า จะยังไม่ใช้ยาแรงหรือปิดประเทศหลังมีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน เพราะมีการปรับเปลี่ยนกลับมาใช้การคัดกรองแบบ RT-PCR โดยต้องมองสองทาง คือ ด้านการท่องเที่ยว เศรษฐกิจ รวมถึงความปลอดภัย ซึ่งมาตรการที่ออกมาไม่ใช่จะออกมาได้ง่ายๆ เพราะต้องผ่านขั้นตอนการพิจารณาจากหลายฝ่ายกว่าจะมาถึงนายกรัฐมนตรี และวันนี้ต้องใช้ Covid Free Setting และต้องขอความร่วมมือด้วย

ส่วนกรณีที่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากทวีปแอฟริกา ซึ่งเป็นประเทศกลุ่มเสี่ยงที่ต้องตามกลับมาตรวจหาเชื้อแบบ RT-PCR กว่า 200 คนนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขได้ติดตามอยู่ และขอความร่วมมือประชาชนที่อยู่ในพื้นที่หากพบรีบแจ้งเจ้าหน้าที่

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อมีเชื้อสายพันธุ์ใหม่ที่มีความรุนแรงเข้ามา ก็ต้องมีมาตรการรองรับ แม้จะยังไม่พบการติดเชื้อในประเทศไทย แต่ต้องให้ความสำคัญทั้งการเตรียมวัคซีนและยารักษา แต่สิ่งสำคัญต้องระมัดระวังตัวเองให้มากที่สุด พร้อมย้ำขอให้ประชาชนฉีดวัคซีนให้มากที่สุด ไม่ใช่ว่าเชื้อใหม่เข้ามาและจะรอวัคซีนใหม่ ต้องอย่าลืมว่าเชื้อเก่าก็ยังมีอยู่

นายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับมาตราการที่เตรียมคลายล็อกให้กับผู้ประกอบการอาจจะต้องเลื่อนออกไปบ้าง โดยพื้นที่ที่เป็นแบบปิดหรือเสี่ยงสูงก็เลื่อนไปก่อน และจะดำเนินการเยียวยาโดยนำความเห็นเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ในเร็วๆนี้

“ขอความเห็นใจให้นึกถึงประชาชนคนอื่นด้วย หากรัฐบาลไม่ทำแบบนี้ก็จะล้มเหลวทั้งหมด และกลายเป็นรัฐบาลที่ไม่มีประสิทธิภาพ พร้อมย้ำว่า สำหรับผู้ประกอบการผับ บาร์ ก็ต้องขยับไปก่อน ดูสักเดือนหนึ่งก่อน จากที่เคยกำหนดไว้เดิมก็ต้องปรึกษาแพทย์และทางกระทรวงสาธารณสุข” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าในการประชุมศูนย์บริการสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (ศบศ.) วันพรุ่งนี้ จะเป็นการประเมินสถานการณ์โดยรวมทั่วไป รวมถึงรักษาฐานเศรษฐกิจเดิม และสร้างเศรษฐกิจใหม่ ต้องหาแนวทางส่งเสริมการลงทุนให้มากขึ้น และการพิจารณาปรับรูปแบบกระบวนการทางกฏหมาย ปรับรูปแบบสิทธิประโยชน์บีโอไอ ปรับเรื่องโครงสร้างภาษี ในส่วนของกระทรวงการคลัง เพื่อสร้างแรงจูงใจให้มีการลงทุนทั้งในประเทศและธุรกิจข้ามชาติ และดึงดูดคนที่มีศักยภาพสูงเข้ามาประกอบธุรกิจในไทย ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นการสร้าง GDP ให้กับประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น และลดภาระงบประมาณของภาครัฐ เพื่อให้ประเทศพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง

Back to top button