“เงินเฟ้อ” สหรัฐพุ่ง 7.5% นิวไฮรอบ 40 ปี สูงกว่าคาด โบรกฯชี้ SET ย่อตัวพรุ่งนี้!

“เงินเฟ้อ” สหรัฐพุ่ง 7.5% นิวไฮรอบ 40 ปี สูงกว่าคาด โบรกฯชี้ SET แกว่งตัวผันผวนในแดนลบพรุ่งนี้ แนวรับ 1,680-1,670 จุด หลังตลาดหุ้นสหรัฐโดนเทขายทันที แนะตั้งรับเมื่ออ่อนตัว รอเก็บแบงก์ KBANK, SCB, TTB, และ KKP


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 7.5% ในเดือนม.ค.2565  เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2525 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 7.2% และจากระดับ 7.0% ในเดือนธ.ค. 2564 ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.4% จากระดับ 0.5% ในเดือนธ.ค.2564

ขณะเดียวกัน ดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน พุ่งขึ้น 6.0% ในเดือนม.ค.2565 เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2525 แลุสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.9% จากระดับ 5.5% ในเดือนธ.ค.2564

รวมถึงดัชนี CPI พื้นฐานดีดตัวขึ้น 0.6% เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.4% จากระดับ 0.6% ในเดือนธ.ค.2564

ทั้งนี้เป็นสัญญาณที่อาจกดดันให้เฟดต้องใช้นโยบายทางการเงินเข้มงวดขึ้นหลังตัวเลขเงินเฟ้อยังสูงขึ้นต่อเนื่อง ที่ล่าสุดนักลงทุนเริ่มคาดว่าในการประชุม FOMC เดือนหน้าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยถึง 0.50%

อย่างไรก็ตามเมื่อดัชนี CPI หรือตัวเลขเงินเฟ้อในสหรัฐออกมาพุ่งกว่า 7.5% ซึ่งสูงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้มาก ส่งผลกดดันให้ตลาดหุ้นสหรัฐโดนเทขายทันที เพราะกังวลเฟดต้องเร่งการขึ้นดอกเบี้ย Nasdaq Futures ดิ่ง -1.5% และ Bitcoin ย่อหลุด 44,000 เหรียญทันที

ด้านนายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าภาวะตลาดหุ้นไทยวันพรุ่งนี้มีโอกาสผันผวนในแดนลบโดยให้กรอบแนวต้าน 1,708 จุด ส่วนแนวรับ 1,680-1,670 จุด  เพราะเชื่อว่าเมื่อตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐออกมาพุ่งกว่า 7.5% ซึ่งเชื่อว่าเฟดจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ตามคาดการณ์ไว้แน่ เพราะรอบนี้เห็นได้จัดว่าเงินเฟ้อมีการเร่งตัวและยังไม่สามารถรู้ว่าจะจุดพีคเมื่อไรเพราะเดือนมกราคมยังไม่ออกมา  ดังนั้นทำให้ความสินทรัพย์เสี่ยงมีความผันผวน

ส่วนหุ้นไทยที่ปรับตัวขึ้นแรงก่อนหน้าอย่างหุ้นธนาคารที่เป็นหุ้นบิ๊กแคปและเป็นตัวนำดัชนีซึ่งจากการที่มีการเทขายสินทรัพย์เสี่ยงออกมาอาจเป็นไปได้ว่าจะมีแรงเทขายกลุ่มธนาคารออกมาก่อนด้วยจะพักตัวระยะสั้น แต่ระยะกลางและยาวจะยังเป็นตัวที่จะทำให้ตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวขึ้นในช่วงระยะถัดไป ดังนั้นเมื่อกลุ่มธนาคารพักตัวลงมาอาจเป็นจังหวะของการเข้าซื้อ โดยหุ้นที่ต้องจับตาอย่าง KBANK, SCB, TTB, และ KKP ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับตลาดพักตัวลงมารอบนี้ซึ่งให้เป็นลักษณะของการตั้งรับนั่นเอง

ด้านเม็ดเงินต่างชาติทำให้เห็นว่าการในแง่ในวงจรการลงทุนรอบใหม่จะทำให้สภาพคล่องจะลดลง การเลือกตลาด Laggard และมีภาพตลาดที่มีเอิร์นนิงฟื้นตัวไปกับเศรษฐกิจของโลก  ซึ่งตลาดหุ้นไทยอยู่ในกรอบข่ายนั้นแน่ๆ โดยจะทำให้ฟันโฟร์มีโอกาสสะดุด มองว่าอีกสองสัปดาห์อาจทำให้ฟันโฟร์สะดุดได้อย่างแน่นอน แล้วก็ทำให้ตลาดพักตัว

ขณะที่หุ้นที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยสหรัฐปรับตัวขึ้น ก็จะทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าโดยอุตสาหกรรมของการส่งออกจะได้รับประโยชน์โดยมองเป็นกลุ่มอาหารจะดูโดดเด่น เช่น CPF, GFPT, และอีกกลุ่มที่น่าสนใจกลุ่มหุ้น Laggard เช่น BCPG, MAKRO, และกลุ่มไฟแนนซ์ เช่น TIDLOR , SAWAD เป็นต้น

Back to top button