จัดทัพ 11 หุ้นงบปี 64 โตเด่น IP กำไร “ออลไทม์ไฮ” ฟาก TWPC โตทะลัก 500%

"บล.ฟินันเซีย" ประเมิน 11 หุ้นลุ้นรายงานผลประกอบการงวดไตรมาส 4 และงวดปี 64 เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ชู IP จ่อโชว์ผลงาน "ออลไทม์ไฮ" ส่วน TWPC กำไรโตกระฉูดเกือบ 500%


เข้าสู่ช่วงประกาศผลประกอบการในงวดไตรมาส 4 และงวดปี 2564 “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการรวบรวมข้อมูลและบทวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส เกี่ยวกับหุ้นที่ถูกคาดการณ์ว่าจะรายงานผลประกอบการในงวดไตรมาส 4 และงวดปี 2564 ออกมามีกำไรเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จำนวน 11 หลักทรัพย์ ประกอบด้วย

1.บริษัท ไทยวา จำกัด (มหาชน) หรือ TWPC โดยปัจจุบันอยู่ในช่วง High Season ของธุรกิจ คาดกำไรไตรมาส 4 เติบโต 36% เทียบกับไตรมาสก่อน และเติบโต 489% จากปีก่อน เนื่องจากราคาขายแป้งมันยังอยู่ในระดับสูง และแนวโน้มกำไรไตรมาส 1/65 จะเร่งตัวขึ้นแรงต่อเนื่องจาก Demand การส่งออกแป้งมันที่ยังแข็งแกร่ง เพราะถูกใช้แทนแป้งข้าวโพดและแป้งสาลีที่ปรับตัวขึ้น แม้ต้นทุนหัวมันขยับขึ้นแต่ราคาส่งออกแป้งมัน ยังดีกว่า

โดยล่าสุดทำจุดสูงสุดในรอบ 3 ปี และจะเริ่มรับรู้รายได้เม็ดไบโอพลาสติกที่ทำจากแป้งมันตั้งแต่ไตรมาส 1/65 เป็นต้นไป ซึ่งมองบวกต่อความต้องการใช้ในระยะยาว คาดกำไรปี 2564-65 เพิ่มขึ้น 671% จากปีก่อน และเพิ่มขึ้น 30% จากปีก่อน ตามลำดับ พร้อมคงราคาเป้าหมายที่ระดับ 6.20 บาท แนะนำ “ซื้อ”

2.บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO คาดกำไรไตรมาส 4/64 ฟื้นตัวแข็งแกร่ง +79% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 1% จากปีก่อน หลังคลาย Lockdown ทำให้การเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม (SSSG) ฟื้นแรง หนุนทั้งปี 2564 คาดเพิ่มขึ้น 2% จากปีก่อน โดยปี 2565 คาดฟื้นตัวต่อเนื่องและได้อานิสงส์บางส่วนจากช้อปดีมีคืน

นอกจากนี้ยังเน้นเพิ่มสินค้า House Brand เพื่อเพิ่ม Margin และเปิดสาขาใหม่เชิงรุกมากขึ้น คาดกำไรปี 2565 เพิ่มขึ้น 22% จากปีก่อน พร้อมให้แนวรับ 14.30//14-13.80 บาท แนวต้าน 14.80-15//15.40 บาท โดยแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายจาก FSSIA ที่ระดับ 18.30 บาท

3.บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SYNEX คาดกำไรไตรมาส 4/64 เติบโต 25% จากไตรมาสก่อน และเติบโต 57% จากปีก่อน จาก High Season และสินค้า Apple เปิดตัวเร็วกว่าปีก่อนเกือบ 2 เดือน รวมถึงยอดขายกลุ่มชิ้นส่วนประกอบคอมยังโตดีต่อเนื่อง ทำให้ปี 2564 คาดกำไรโต 38% จากปีก่อน ทำจุดสูงสุดใหม่ ส่วนปี 2565 คาดเติบโตอีก 26% จากปีก่อน ทำ New High ต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามจากการเติบโตที่คาดผ่านพีคไปแล้ว จึง Re-rate Target PER ลงเหลือ 28 เท่า และไม่มีปัจจัยหนุนพิเศษจาก COVID-19 เหมือนปี 2563-64 ด้านราคาเป้าหมายถึงลดลงเล็กน้อยเป็น 32 บาท อย่างไรก็ตาม ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ”

4.บริษัท อินเตอร์ ฟาร์มา จำกัด (มหาชน) หรือ IP คาดกำไรไตรมาส 4/64 ฟื้นตัว 29% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 634% จากปีก่อน หลังจากปรับปรุงการผลิตการตลาดและบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์ทั้งสองโรงงานที่ซื้อมาเมื่อไตรมาส 4/63 และไตรมาส 3/64 และคาดว่าไม่มีรายจ่ายพิเศษ ทำให้จบปี 2564 ด้วยกำไรสูงเป็นประวัติการณ์ เพิ่มขึ้น 90% จากปีก่อน จากการรวมโมเดิร์นฟาร์มาเต็มปีและอินเตอร์ฟาร์มาในไตรมาส 3/64 โดยปี 2565 จะโตต่อเนื่องจากการรับรู้รายได้เต็มปีของโรงงานทั้งสองแห่ง และคาดว่าการซื้อร้านขายยา LAB Pharmacy จะแล้วเสร็จในไตรมาส 2/65 พร้อมปรับกำไรของ IP ปี 2565-67 ขึ้นเป็นโต 29% CAGR ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 22.20 บาท ยังแนะนำ “ถือ”

5.บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP คาดกำไรไตรมาส 4/64 จะฟื้นตัวแรงจากไตรมาสก่อน และเป็นจุดสูงสุดของปีหนุนจากการคลาย Lockdown ทำให้ Demand น้ำมันเพิ่มขึ้น รวมถึงค่าการกลั่นที่พุ่งขึ้นชดเชย Margin ของปิโตรเคมีและน้ำมันหล่อลื่นได้หมด โดยระยะสั้นได้ Sentiment บวกจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้น ขณะที่ค่าการกลั่นยังดีทำให้โมเมนตัมกำไรไตรมาส 1/65 ยังทรงในระดับสูง ขณะที่ Valuation ปัจจุบันยังเทรด PBV เพียง 0.85 เท่า พร้อมให้แนวรับ 53-52.50 บาท แนวต้าน 54.50//56 บาท และแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายจาก FSSIA ที่ 67 บาท

6.บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD แม้ว่าไตรมาส 4/64 จะรับรู้กำไรของ ESCO เข้ามา 2 เดือนแต่ก็คาดว่ากำไรปกติจะชะลอตามฤดูกาล ลดลง 4% จากไตรมาสก่อน แต่โตสูง 75% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ประมาณการของฝ่ายวิจัยอาจมี Upside จากบริษัทร่วมในเวียดนาม เพราะค่าระวางที่ทรงตัวสูง กำไรปกติทั้งปี 2564 น่าจะจบที่ 475 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34% จากปีก่อน และคาดโตต่อเนื่องเฉลี่ย 21% จากปีก่อน ในปี 2565-66 จากการเก็บเกี่ยวประโยชน์จากการลงทุนหลายดีลในปีที่ผ่านมา โดยราคาหุ้นปัจจุบันเทรดที่ EV/EBITDA เพียง 15 เท่า ไม่แพงเมื่อเทียบกับ EBITDA ที่คาดเติบโต 15% และยังหา Inorganic growth ต่อเนื่อง โดยคงราคาเป้าหมาย 23 บาท และแนะนำ “ซื้อ”

7.บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR คาดไตรมาส 4/64 มีลุ้นพลิกมีกำไรเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ไตรมาส หนุนโดยหนังทำเงินอย่าง Spiderman และ 4 Kings ขณะที่โมเมนตัมไตรมาส 1/65 จะชะลอตัวลงตาม Ling Up หนังที่เข้าฉายก่อนเร่งตัวขึ้นอีกครั้งในไตรมาส 2/65 นอกจากนี้คาดมีแรงหนุนเพิ่มเติมจากการหาแหล่งรายได้ใหม่ๆ จากการขายสินค้าและนำ Popcorn เข้า 7-11 ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยปรับกำไรปี 2565 ขึ้น 866 ล้านบาท พลิกจากขาดทุนในปี 2564 พร้อมปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 25 บาท และแนะนำ “ซื้อ”

8.บริษัท พรีเชียส ชิพปิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSL คาดกำไรไตรมาส 4/64 เริ่มชะลอตามค่าระวางที่ลดลง 19% จากไตรมาสก่อน, เพิ่มขึ้น 4,358% จากปีก่อน หนุนทั้งปี 2564 พลิกจากขาดทุนปีก่อน ส่วนแนวโน้มผลประกอบการปี 2565-66 ชะลอจากค่าระวางเรือที่ลดความร้อนแรงตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน มาตรการควบคุมการผลิตเหล็กและถ่านหินของจีน รวมถึงแรงงานที่หายไปเริ่มกลับมา คาดกำไรลดลง 31% จากปีก่อน และลดลง 12% จากปีก่อน ตามลำดับ พร้อมกันนี้ ปรับลดราคาเป้าหมายเหลือ 20 บาท แต่ยังแนะนำ “ซื้อ”

9.บริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด (มหาชน) หรือ XO คาดกำไรไตรมาส 4/64 เพิ่มขึ้น 6% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 22% จากปีก่อน จากปัญหา Supply Chain ที่คลี่คลาย แต่ยังมีปัญหาสายเรืออยู่บ้าง โดยปี 2564 คาดกำไรจบที่เพิ่มขึ้น 43% จากปีก่อน โดยบริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2565 โต 10%-15% จากปีก่อน ซึ่งคาดหวังเห็นรายได้เร่งขึ้นในไตรมาส 2/65 สำหรับด้านต้นทุนยังไม่น่ากังวล มีเพียงค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นจากแผนการสนับสนุนค่า Listing Fee ให้กับ Distributor มากขึ้น รวมถึงค่าเสื่อมที่จะรับรู้เต็มปี อีกทั้งคาดกำไรปี 2565 เพิ่มขึ้น 3% จากปีก่อน แต่มี Upside เนแนวรับ 19.40-19.30 บาท แนวต้าน 20.40-20.50//21 บาท และแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 22 บาท

10.บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) LEO คาดกำไรไตรมาส 4/64 ทำ New High เพิ่มขึ้น 25% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 33% จากปีก่อน ดีกว่าที่เคยคาดตามค่าระวางเรือ และปริมาณการขนส่งที่ยังโตหนุนทั้งปี 2564 มีกำไรจบที่ เติบโต 222% จากปีก่อน ส่วนแนวโน้มปี 2565 บริษัทตั้งเป้ารายได้โตอีก 20-25% จากปีก่อน (ไม่รวมซื้อกิจการ WA) โดยมีมุมมองว่าค่าระวางอาจสูงทั้งปี ขณะที่ปริมาณขนส่งยังเติบโต จึงปรับเพิ่มกำไรปี 2565 ขึ้นเป็น เติบโต 12% จากปีก่อน ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 17 บาท แนะนำ “ซื้อ”

11.บริษัท โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ JP คาดกำไรไตรมาส 4/64 ก้าวกระโดด โต 102% จากไตรมาสก่อน และเติบโต 69% จากปีก่อน จากฐานต่ำ และคาดกำไรทั้งปี 2564 เพิ่มขึ้น 8% จากปีก่อน แต่กำไรจะเริ่มยกฐานตั้งแต่ปี 2565 คาดเพิ่มขึ้น 86% จากปีก่อน จากการออกสินค้าใหม่ เช่น ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากพืช หรือ ไข่น้ำ วางจำหน่ายแล้วใน RS Mall การเพิ่มสัดส่วนสินค้า Own brand และขยายช่องทางการจำหน่าย รวมถึง TV Home shopping ประมาณการของฝ่ายวิจัยค่อนข้างท้าทายสำหรับบริษัท ขึ้นกับความสำเร็จของสินค้า คงราคาเป้าหมาย 7.70 บาท แนะนำเพียง “ถือ”

Back to top button