VL ตั้งเป้ารายได้ปี 65 โต 25% มุ่งเน้น “ขนส่งน้ำมันปาล์ม” อินโด-มาเลเซีย

VL ตั้งเป้ารายได้ปี 65 โต 25% มุ่งเน้น “บริการขนส่งน้ำมันปาล์ม” ประเทศอินโดนีเซีย-มาเลเซีย รับอานิสงค์ฟื้นตัวภาคอุตสาหกรรม พร้อมเคาะจ่ายเงินปันผลปี 64 ในอัตราหุ้นละ 0.015 บ. ขึ้น XD วันที่ 9 มี.ค. 65 จ่ายเงินปันผล 18 พ.ค. 65


นางชุติภา กลิ่นสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วี.แอล.เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ VL ผู้ให้บริการด้านการขนส่งผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและผลิตภัณฑ์เคมีทางทะเล ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมเรือขนส่งปิโตรเลียมและเคมีภัณฑ์ในปี 2565 มีแนวโน้มการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โดยหลังจากดีมานด์การใช้ปริมาณพลังงานเชื้อเพลิงเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวภายในประเทศกลับมาคึกคัก ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันโดยรวมในประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้น และด้วยปัจจัยดังกล่าวทำให้ VL ได้รับอานิสงส์ เชิงบวกตามการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมฯ ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้  VL วาง Business outlook สำหรับปี 2565 โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่มีรายได้รวม 670 ล้านบาท ภายใต้กลยุทธ์การขับเคลื่อนองค์กรให้มีการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

สำหรับแผนกลยุทธ์ที่ VL มุ่งเน้นในปีนี้คือ การขยายการให้บริการขนส่งระหว่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย ซึ่งเป็นผู้นำการส่งออกรายใหญ่ของโลกขยายตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้บริษัทฯเร่งขยายแผนการให้บริการในต่างประเทศมากขึ้นเพื่อให้สอดรับกับความต้องการ เนื่องจากเส้นทางของประเทศดังกล่าวเป็นเส้นทางหลักของการขนส่งของ VL ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯให้บริการขนส่งทางทะเลในต่างประเทศ อาทิ น้ำมันปาล์ม น้ำมันหล่อลื่น น้ำมันปิโตรเลียม

การขยายแผนขนส่งในกลุ่มประเทศดังกล่าว เพื่อรองรับความต้องการด้านการขนส่งน้ำมันปาล์ม เนื่องจากน้ำมันปาล์มมีความต้องการใช้สูงเพราะน้ำมันปาล์มนอกจากจะเป็นน้ำมันหล่อลื่นแล้ว ยังสามารถนำไปใช้ในอุตสาหกรรมที่หลากกลาย อาทิ สี สิ่งทอ เครื่องสำอาง เคมีภัณฑ์สำหรับทำความสะอาด ไม้ กระดาษ โลหะยาง พลาสติก เป็นต้น ส่งผลให้บริษัทฯเล็งเห็นโอกาสการการขยายการให้บริการดังกล่าว เนื่องจากเส้นทางของประเทศดังกล่าวเป็นเส้นทางหลักของการขนส่งของบริษัทฯ” นางชุติภา กล่าว

นอกจากนี้  VL ยังมีแผนในการขยายกองเรือเพิ่ม จำนวน 1 ลำ น้ำหนักบรรทุกไม่ต่ำกว่า 10,000 เดตเวตตัน (DWT) ภายใต้งบลงทุนประมาณ 200 ล้านบาท โดยเรือดังกล่าวบริษัทฯ คาดว่าจะนำเข้ามาในช่วงครึ่งปีหลัง เพื่อเพิ่มความสามารถในการให้บริการ ซึ่งสอดรับกับนโยบายบริษัทฯในการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ทั้งนี้หากกองเรือดังกล่าวสามารถเข้ามาตามระยะเวลาที่กำหนดและดำเนินการให้บริการในเชิงพาณิชย์ได้ทันที ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯ มีความสามารถในการรับรู้รายได้จากการให้บริการเรือดังกล่าวโดยเฉลี่ยเข้ามาในปี 2565 ประมาณ 90 ล้านบาท และจะรับรู้เข้ามาเต็มปีในปี 2566 เป็นต้นไป เฉลี่ยประมาณ 180 ล้านบาทต่อปี

โดย VL จะมีการปลดระวางเรือที่มีอายุมาก จำนวน 1 ลำ คือ V.L.10 น้ำหนักบรรทุก 3,091 DWT ดังนั้นหากบริษัทฯ นำเรือลำใหม่เข้ามา จะส่งผลให้บริษัทฯ กองเรือทั้งหมด 12 ลำ ขนาดบรรทุกรวม 50,800 DWT เพื่อที่จะเป็นการสร้างตลาดใหม่ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในประเทศเวียดนาม ประเทศจีน และประเทศอินโดนีเซีย รวมไปถึงการขยายเส้นทางการให้บริการใหม่ๆ ที่มีความต้องการปิโตรเลียมและเคมีภัณฑ์เพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศในปี 2565 เพิ่มขึ้นมากกว่า 50% จากปี 2564 ขณะที่ในประเทศ จะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 4% จากปี 2564

อย่างไรก็ตาม สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานของบริษัทฯในปี 2564 ทาง VL  มีรายได้รวม 670 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.60 จากปีก่อน มีกำไรสุทธิ  23 ล้านบาท ลดลง ร้อยละ 72.6 จากปีก่อน เนื่องจากต้องยอมรับว่า ในช่วงปีที่ผ่านมา บริษัทฯอยู่ท่ามกลางความท้าทายของเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดและการกลายพันธุ์ของโควิด-19 ส่งผลให้ บริษัทฯ ได้รับผลกระทบจากวิกฤตดังกล่าว

อย่างไรตามเนื่องจากบริษัทฯ ยังคงยึดหลักการบริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยกลยุทธ์มุ่งเน้นกระจายความเสี่ยง โดยการปรับกลยุทธ์การให้บริการขนส่งทางเรือในต่างประเทศมากกว่าให้บริการขนส่งในประเทศ ซึ่งทำให้แสดงให้เห็นว่า VL สามารถปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในท่ามกลางวิกฤตโควิด-19และจากศักยภาพความแข็งแกร่งทางการเงิน

ทั้งนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติเห็นชอบจ่ายปันผลสำหรับปี 2564 ในอัตรา 0.015 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็น 14.5 ล้านบาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 10 มีนาคม 2565 หลังจากวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 9 มี.ค. 2565 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 18 พฤษภาคม 2565 ซึ่งเป็นการสะท้อนศักยภาพการเติบโต ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19

Back to top button