D ส่งซิกรายได้ปี 65 ดีขึ้น อานิสงส์บริการ “ทันตกรรม” ฟื้นตัว  

D คาดรายได้ปี 65 ดีขึ้น รับอานิสงค์ความต้องการใช้บริการทันตกรรม หลังลูกค้าได้กลับเข้ามารับการรักษาได้เหมือนภาวะปกติ บริษัทเชื่อมั่นว่าถ้านักท่องเที่ยวกลับมา สามารถทำกำไรก้าวกระโดด


ทพ.พรศักดิ์ ตันตาปกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดนทัลคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ D เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงาน ของบริษัทงวดปี 2564 สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.2564 บริษัทฯ มีรายได้จากธุรกิจให้บริการด้านทันตกรรมจำนวน 301 ล้านบาท ลดลง 13.1 ล้านบาท หรือ 4% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2563 ส่วนธุรกิจด้านการจำหน่ายวัสดุและอุปกรณ์ทางทันตกรรม มีรายได้  228 ล้านบาท ลดลง 30.30 ล้านบาท หรือ 12% จากปีก่อน ส่งผลให้บริษัทฯ มีผลการดำเนินงานขาดทุนสุทธิ 24 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 7.81 ล้านบาท

สำหรับสาเหตุหลักของผลประกอบการที่ขาดทุน เกิดจากรายการพิเศษในงบการเงิน ที่ได้ตั้งสำรองสินค้าเคลื่อนไหวช้าจำนวน 8 ล้านบาทของบริษัทย่อยที่ดำเนินธุรกิจซื้อมาขายไป สินค้าทันตกรรม (บริษัท เดนทัล วิชั่น จำกัด) ถ้าไม่นับรวมรายการพิเศษดังกล่าว กลุ่มบริษัทมีผลขาดทุนสุทธิจากการดำเนินงานสำหรับปี 2564 จำนวน 16 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากผลกระทบการแพร่ระบาดของโควิด19 ที่มีการประกาศล็อคดาวน์ ทำให้บริษัทฯ ต้องทำการปิดบางสาขาเป็นการชั่วคราว และจำนวนลูกค้าเข้ามาใช้บริการมีปริมาณลดลง

อย่างไรก็ตามผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2564 เริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้น หลังจากมีมาตรการคลายล็อคดาวน์จากภาครัฐ และประชาชนส่วนใหญ่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว ทำให้ลูกค้าคลายความกังวล และกลับมาเข้ามาใช้บริการทันตกรรม   ส่งผลให้บริษัทฯ มีผลการดำเนินงานเป็นกำไรสุทธิประมาณ 1 ล้านบาท ขณะเดียวกันบริษัทฯ ได้มีการปรับกลยุทธ์ทางการตลาด โดยเพิ่มสัดส่วนกลุ่มลูกค้าในประเทศ รวมทั้งได้ดำเนินการปรับแผนลดต้นทุนค่าใช้จ่ายของกลุ่มบริษัท  ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“หลังจากที่มีการผ่อนคลายมาตรการล๊อคดาวน์ ทางกลุ่มบริษัท ได้เริ่มเปิดให้บริการตามปกติ ด้วยมาตรฐานความสะอาด ปลอดภัย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้มาใช้บริการและในไตรมาส 4/2564 ลูกค้าคนไทยมีจำนวน visit volume 12,000 ครั้ง มีรายได้ต่อไตรมาสประมาณ 63 ล้านบาทซึ่งอยู่ในระดับเดียวกันกับช่วงก่อนเกิดโควิด-19” ทพ.พรศักดิ์ กล่าว

สำหรับในส่วนของการเปิดดำเนินการของโรงพยาบาลทันตกรรม กรุงเทพ อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ BIDH ที่เน้นกลุ่มลูกค้าคนไทยที่มีรายได้สูง และผู้บริหารชาวต่างประเทศที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง ได้สร้างรายได้เพิ่มให้กับกลุ่มบริษัทในปี 2564 เป็นจำนวน 54 ล้านบาท  เติบโต 39%

ทั้งนี้จากแผนการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปี 2565 คาดว่าบริษัทฯ จะมีรายได้เติบโตสูงขึ้นจากปี 2564 ซึ่งได้รับอานิสงส์จากความต้องการใช้บริการทันตกรรมในประเทศที่ฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ โดยลูกค้าได้กลับเข้ามารับการรักษาได้เหมือนภาวะปกติ    รวมทั้งบริษัทฯ ได้เตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวของทางภาครัฐบาล บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าถ้านักท่องเที่ยวกลับมา บริษัทฯ สามารถทำกำไรได้อย่างก้าวกระโดดซึ่งจะทำให้บริษัทฯ มีฐานรายได้ที่มั่นคงแข็งแกร่ง และสามารถทำกำไรได้ต่อเนื่องยั่งยืนในระยะยาว

“โดย D ได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว  จากที่ได้รับผลกระทบจากการล็อคดาวน์  2 ปีที่ผ่านมา แต่เราเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นไตรมาส 4 / 64 จากการเข้ารับบริการของลูกค้าเริ่มดีขึ้นบริษัทเองก็ได้ปรับกลยุทธ์ทางการตลาด   ได้หันมาจับกลุ่มลูกค้าในประเทศ  เป็นกลุ่มลูกค้าระดับกลาง ระดับบนที่มีกำลังซื้อสูง จากเดิมกลุ่มลูกค้าหลักเป็นลูกค้าต่างชาติ  ในช่วงผ่านมาถือว่ากระแสตอบรับดีเกินคาด”  ทพ.พรศักดิ์ กล่าว

นอกจากนี้บริษัทฯ ขอแจ้งผู้ถือหุ้นย้ำถึงการใช้สิทธิแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท (วอแรนต์) ชุดที่ 1 หรือ D-W1 โดยได้กำหนดอัตราการใช้สิทธิแปลงสภาพ สัดส่วน 1 หน่วยวอร์แรนต์  ต่อ 1.20 หุ้นสามัญ ราคาใช้สิทธิ 3.3333 บาทต่อหุ้น ผู้ถือหุ้นและนักลงทุนที่มีความประสงค์ใช้สิทธิแปลงสภาพ D-W1 สามารถโอนเงินและส่งเอกสารหลักฐานทั้งหมด ภายในวันที่ 3 มี.ค.2565

Back to top button