ลุ้น PTTEP วิ่งแรง! รับข่าวดีชนะประมูลแปลงสํารวจ SB412 มาเลเซีย

PTTEP เผยบริษัทย่อยชนะการประมูลและได้รับสิทธิในการดำเนินการสํารวจและผลิตปิโตรเลียมในแปลงสํารวจ SB412 เสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของบริษัทในประเทศมาเลเซีย


นายสุขสันต์ องค์วิเศษ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานสนับสนุนปฏิบัติการ รักษาการแทน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สํารวจและผลิตปิโตรเลียม จํากัด (มหาชน) หรือ PTTEP เปิดเผยว่า บริษัท PTTEP HK Offshore Limited หรือ PTTEP HKO ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของกลุ่มร่วมกับบริษัท SapuraOMV Upstream (Sarawak) Inc. ชนะการประมูลและได้รับสิทธิในการดำเนินการสํารวจและผลิตปิโตรเลียมในแปลงสํารวจ SB412 ซึ่งตั้งอยู่นอกชายฝั่งทะเลทางทิศตะวันตกเฉียง เหนือของรัฐซาบาห์ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 15,914 ตารางกิโลเมตร จากการประมูลแปลง สํารวจรอบปี 2564 ในประเทศมาเลเซีย

โดยได้ลงนามในสัญญาแบ่งปันผลผลิตกับ Petroliam Nasional Berhad (PETRONAS) ตามสัดส่วนการลงทุนสำหรับบริษัท PTTEP HKO ที่ร้อยละ 60 (ผู้ดําเนินการ) และบริษัท SapuraOMV ที่ร้อยละ 40 การลงทุนดังกล่าวเป็นไปตามแผนกลยุทธ์ที่เน้นการลงทุนในภูมิภาคที่เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์หลัก และเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของบริษัทในประเทศมาเลเซีย

ด้านนายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PTTEP เปิดเผยว่า บริษัท พีทีทีอีพี เอชเค ออฟชอร์ จำกัด หรือ พีทีทีอีพี เอชเคโอ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ ปตท.สผ. และบริษัท ซาปุระโอเอ็มวี อัพสตรีม (มาเลเซีย) ซึ่งเป็นผู้ร่วมทุน ได้ลงนามในสัญญาแบ่งปันผลผลิต (Production Sharing Contract) กับปิโตรนาส เพื่อเข้ารับสิทธิการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม แปลงเอสบี 412 ในประเทศมาเลเซีย จากการประมูลสิทธิสำรวจปิโตรเลียมในปี 64 (Malaysia Bid Round 2021) ซึ่งจัดโดยหน่วยงาน Malaysia Petroleum Management ของปิโตรนาส ความสำเร็จครั้งนี้ส่งผลให้ปัจจุบัน ปตท.สผ.เป็นผู้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิตในมาเลเซียรวมทั้งสิ้น 12 สัญญา

“ปตท.สผ. ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียมจากการประมูลอีกครั้ง เรียกได้ว่าเป็นความสำเร็จตามกลยุทธ์ Coming Home ที่เราสามารถขยายธุรกิจในมาเลเซีย ซึ่งเป็นฐานการลงทุนที่สำคัญของ ปตท.สผ. ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อเสริมความแข็งแกร่ง และสร้างการเติบโตให้กับบริษัทอย่างต่อเนื่องในระยะยาว” นายมนตรี กล่าว

โดยแปลงเอสบี 412 มีพื้นที่ประมาณ 15,914 ตารางกิโลเมตร จากการศึกษาข้อมูลด้านธรณีวิทยาในเบื้องต้นพบว่ามีศักยภาพปิโตรเลียม โดยพื้นที่ใกล้เคียงมีการค้นพบปิโตรเลียมแล้ว นอกจากนี้ โครงสร้างพื้นฐานในบริเวณดังกล่าวยังมีความพร้อมสำหรับการผลิตปิโตรเลียมอีกด้วย สำหรับแผนงานในปี 65-66 จะทำการวัดคลื่นไหวสะเทือนแบบ 3 มิติ และศึกษาด้านธรณีวิทยาโดยละเอียด เพื่อประเมินศักยภาพของแหล่งปิโตรเลียมต่อไป

“การนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้ผนวกกับองค์ความรู้ซึ่งสะสมมาโดยตลอด เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้บริษัทมองเห็นภาพทางธรณีวิทยาในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้สามารถค้นพบแหล่งปิโตรเลียมใหม่ๆ ในมาเลเซียอย่างต่อเนื่องในปีที่ผ่านมา และได้รับการยอมรับในวงกว้าง สำหรับครั้งนี้ ปตท.สผ. เชื่อมั่นว่าความร่วมมือกับซาปุระโอเอ็มวี ซึ่งเป็นอีกหนึ่งพันธมิตรที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ จะทำให้การสำรวจแปลงเอสบี 412 ประสบความสำเร็จด้วยดีเช่นกัน” นายมนตรี กล่าว

ทั้งนี้ภายใต้สัญญาแบ่งปันผลผลิตแปลง เอสบี 412 พีทีทีอีพี เอชเคโอ จะเป็นผู้ดำเนินการ (Operator) โดยถือสัดส่วนการลงทุน 60% และซาปุระโอเอ็มวี ถือสัดส่วนการลงทุน 40%

นอกจากแปลงเอสบี 412 แล้ว ปตท.สผ. ยังมีการลงทุนในประเทศมาเลเซียอีกหลายโครงการ ได้แก่ แปลงเอสเค 405บี, เอสเค 410บี, เอสเค 417, เอสเค 438, เอสเค 314เอ, พีเอ็ม 407 และพีเอ็ม 415 ซึ่งอยู่ในระยะสำรวจ และยังมีแปลงเค, เอสเค 309 และ เอสเค 311 และแหล่งโรตัน-บูลอร์ ในแปลงเอช ซึ่งมีการผลิตก๊าซธรรมชาติและน้ำมันดิบอยู่ในขณะนี้

ทั้งนี้ เป็นที่น่าจับตาสำหรับราคาหุ้น PTTEP ที่คาดว่าจะเคลื่อนไหวในเชิงบวกตอบรับกับประเด็นข่าวดีนี้

Back to top button