โบรกอัพคำแนะนำ “ซื้อ” SC เป้า 4.20 บ. ชูหุ้น “พีอีต่ำ-ปันผลสูง”

“บล.ฟิลลิป” ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ” หุ้น SC ราคาเป้าหมาย 4.20 บ. ชูหุ้น “พีอีต่ำ” เพียง 6 เท่า ขณะที่ผลตอบแทนปันผลปี 64-65 สูง 5-6%


บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ” หุ้นบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC ราคาเป้าหมาย 4.20 บาท โดยมองว่าอัตราการจองแนวราบช่วง 2 เดือนแรกดีขึ้นจากค่าเฉลี่ยปีก่อน ยอดจองรวมปิดที่ 3.8 พันล้านบาท (แนวราบ 3.5 พันล้านบาท และคอนโดฯ 304 ล้านบาท) คิดเป็น 17% ของเป้าจองทั้งปีที่ 22 พันล้านบาท

ขณะที่ยอดจองแนวราบข้างต้นคิดเป็น 24% ของเป้าจองแนวราบปี 65 ที่ 14.5 พันล้านบาท การขายแนวราบยังไปได้ดี ส่วนยอดจองคอนโดฯ คิดเป็นแค่ 4% ของเป้าจองคอนโดฯ ปี 65 ที่ 7.5 พันล้านบาท เนื่องจากโครงการใหม่ใหญ่ 2 โครงการที่สาทรวงเวียนใหญ่ 4 พันล้านบาท (ราคาเฉลี่ย 4 ล้านบาท) และ SCOPE ทองหล่อ 2.5 พันล้านบาท เจาะตลาดบนราคาเฉลี่ย 140 ลบ. จะเปิดตัวกลางปีนี้ ทางฝ่ายเชื่อว่าจะช่วยเร่งยอดจองคอนโดฯ ดีขึ้นในช่วงนั้น

อย่างไรก็ดีหากพิจารณา อัตราการขายแนวราบต่อเดือนช่วง 2 เดือนแรก พบว่าอยู่ที่ 1.7 พันล้านบาท ดีกว่าค่าเฉลี่ย ยอดจองแนวราบต่อเดือนในปี 64 ที่ 1.4 พันล้านบาท ยิ่งไปกว่านั้น แผนเปิดโครงการแนวราบใหม่มากขึ้นจากไตรมาส 1/65 ที่ 3 โครงการเป็น 8 โครงการ และ 14 โครงการ สำหรับไตรมาส 2/65 และครึ่งหลังของปี 65 ดังนั้นยอดจองแนวราบมีโอกาสเร่งตัวเกินเป้า

โดยทางฝ่ายประเมินยอดจองแนวราบปีนี้ 17.7 พันล้านบาท +2% จากปีก่อน แนวโน้มกำไรมุ่งสู่การเติบโต 20% ปีนี้ ทางฝ่ายคาดยอดโอนปี 65 โต 10% เป็น 20.5 พันล้านบาท มาจาก 1.โครงการแนวราบ: เนื่องจากปีก่อนยอดจองแนวราบดีมาก โต 18% แต่ยอดโอน +9% จึงมี Backlog ค้างโอนยกมาปีนี้ 3.8 พันล้านบาท

ส่วนที่เหลือมาจากยอดจองแนวราบปี 65 ที่ 17.7 พันล้านบาท ซึ่งคาดโอนปีนี้ 13.5 พันล้านบาท ทำให้คาดยอดโอนแนวราบปี 65 ที่ 17.3 พันล้านบาท +12% จากปีก่อน ทั้งนี้เชื่อว่ากำลังการพัฒนาส่งมอบน่าจะทำได้ในระดับเดียวกับปีก่อน

2.โครงการคอนโดฯ: Backlog คอนโดฯ ยกมาปีนี้ 2.1 พันล้านบาท จากโครงการหลัก Scope หลังสวน 1.6 พันล้านบาท ส่วนที่เหลืออีกราว 1 พันล้านบาท มาจากการขายสต๊อกพร้อมโอน หลักๆ จากโครงการ 28 ชิดลม ทางฝ่ายประเมินยอดโอนคอนโดฯ 3.1 พันล้านบาท

ขณะที่รายได้ค่าเช่าทรงตัวรายได้รวม +10% คาดหมาย Margin ดีขึ้นเล็กน้อยจากสถานการณ์การขายไปได้ดี ทางบริษัทยังสามารถปรับราคารับต้นทุนวัสดุก่อสร้างได้ รายจ่ายการตลาดเพิ่ม 7% จาก การใช้งบการตลาดเพิ่มตามการเปิดโครงการใหม่เพิ่มจากปีก่อน (8 โครงการ 21 พันล้านบาท เป็น 27 โครงการ 39 พันล้านบาท โดยเน้นเปิดโครงการแนวราบเพิ่มจาก 6 โครงการเป็น 25 โครงการ) และโครงการบริษัท ร่วมทุน 50% The Crest Park Residence มูลค่าโครงการ 3.8 พันล้านบาท ณ ไตรมาส 4/64 ขายได้ 840 ล้านบาท เริ่มโอนช่วงครึ่งหลังปีนี้ราว 800 ล้านบาท

ทั้งนี้ทำให้รับรู้ส่วนแบ่งกำไร 18 ล้านบาท จากส่วนแบ่งขาดทุนปี 64 ที่ 27 ล้านบาท ภาพรวมยอดโอนดีขึ้นพร้อมกับ Margin ช่วยผลักดันกำไรปี 65 เติบโต 20% จาก 2.0 พันล้านบาท เป็น 2.5 พันล้านบาท คาดเงินปันผล 0.24 บาท/หุ้น ราคาหุ้นยังถูก ในแง่ P/E-65 และ ผลตอบแทนปันผลสูง 5-6% แนวโน้มยอดจองยังแข็งแกร่งและเป็นไปตามเป้า

ส่วนทิศทางกำไรยังเติบโตได้ตามที่คาดหมาย ราคาหุ้นซื้อขาย 6 เท่า P/E-65 เทียบค่าเฉลี่ย P/E ในอดีตที่ 8 เท่า ขณะที่ราคาหุ้นมีผลตอบแทนจากเงินปันผลที่น่าสนใจมากสำหรับปี 64-65 โดยเงินปันผลปี 64 ประกาศแล้วที่ 0.20 บาท แต่ยังไม่ขึ้น XD (29 เม.ย. 65) คิดเป็นผลตอบแทน 5% ส่วนประมาณการเงินปันผลปี 65 ที่ 0.23 บาท มีผลตอบแทน 6% ทางฝ่ายคงคำแนะนำ “ซื้อ” จากความถูกในเชิง P/E พร้อมผลตอบแทนเงินปันผล 5-6%

Back to top button