TQR ส่งซิกปี 65 ธุรกิจประกันภัยโต 5.5% เร่งพัฒนาโปรดักส์ใหม่   

TQR คาดปี 65 ธุรกิจวินาศประกันภัยเติบโต 4%-5.5% พร้อมเดินหน้าในธุรกิจนายหน้าประภัยต่อแบบทั่วไป และธุรกิจนายหน้าประกันภัยต่อแบบพัฒนาช่องทางและผลิตภัณฑ์ใหม่ร่วมกัน (Alternative Business) ส่วนบริษัทร่วมทุน บริษัท อาร์สแควร์ จำกัด ตั้งเป้าการเพิ่มลูกค้ารายใหม่ 6-8 ราย คาดว่าจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 8 ล้านบาท มั่นใจว่าจะเป็นส่วนช่วยสนับสนุนผลงานในปีนี้เติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้


นายชนะพันธุ์ พิริยะพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ที คิว อาร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TQR เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2565 ยังมีทิศทางสดใส โดยบริษัทฯ ยังเดินหน้าในธุรกิจนายหน้าประภัยต่อแบบทั่วไป (Traditional Business)  และธุรกิจนายหน้าประกันภัยต่อแบบพัฒนาช่องทางและผลิตภัณฑ์ใหม่ร่วมกัน (Alternative Business) จากความต้องการการทำประกันภัยของผู้บริโภคที่มีมากขึ้น ประกอบกับบริษัทฯ ได้มุ่งพัฒนาประกันภัยในรูปแบบใหม่ๆ

โดยเฉพาะการประกันภัยไซเบอร์ การประกันภัยความรับผิดตามกฎหมายต่างๆการประกันสุขภาพ รวมทั้งประกันภัยพืชผลทางการเกษตร และการประกันภัยสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า คาดว่าจะได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการประกันที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทางเลือกรูปแบบใหม่ อาทิ พลังงานน้ำ พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ เป็นต้น และกระแสของ Environmental, Social and Governance: ESG ซึ่งเป็นเทรนด์ที่ทั้งโลกให้ความใส่ใจในปัจจุบัน

สำหรับ บริษัท อาร์สแควร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุน ซึ่งดำเนินธุรกิจเป็น Software-as-a-Service มุ่งเน้นด้าน Learning Management Platform ให้บริการกับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการให้บริการอบรมหลักสูตรต่างๆ ที่ให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพของการเรียนการสอน เนื่องจากเป็นการพัฒนาด้านปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ที่ทันสมัย และในปีนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าการเพิ่มจำนวนลูกค้ารายใหม่ 6-8 ราย คาดว่าจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 8 ล้านบาท โดยเน้นกลุ่มลูกค้า ทั้งธุรกิจประกันวินาศภัย ธุรกิจประกันชีวิตที่เป็นบริษัทประกันภัย บริษัทนายหน้าประกันภัย รวมถึงสมาคมตัวแทนภาคธุรกิจต่างๆ

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมองหาโอกาสการลงทุนใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจประกันภัยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีการพิจารณาความเสี่ยงอย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของผู้ถือหุ้นเป็นสำคัญ ขณะนี้มีโครงการที่อยู่ระหว่างศึกษาหลายโครงการ คาดจะเห็นความชัดเจนภายในปีนี้

ขณะที่ล่าสุด คณะกรรมการบริษัทของ TQM มีมติอนุมัติการลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นสามัญของ TQR จากนายอัญชลิน พรรณนิภา และนางนภัสนันท์ พรรณนิภา จำนวนรวม 102 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 44.35 ของหุ้นทั้งหมดของ TQR ในราคาหุ้นละ 5.10 บาท (ห้าบาทสิบสตางค์) โดยจะเข้าทำธุรกรรมการซื้อขายหุ้นสามัญของ TQR ภายหลังจากที่ทาง TQM ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2565 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 28 เมษายน 2565

โดยภายหลังจากที่ TQM เข้าทำรายการซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ เสร็จสิ้น TQM จะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ โดยถือหุ้นทั้งหมด 102,190,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 44.43 ของทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วของบริษัทฯ และ TQM มีหน้าที่ต้องทำคำเสนอซื้อหุ้นสามัญที่เหลือทั้งหมดของบริษัทฯ ในราคาหุ้นละ 5.10 บาท และคาดว่าจะทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของบริษัทฯภายในไตรมาส 2 ปี 2565 นี้

“ในปี 2565 นี้ TQR มีการคิดค้น และพัฒนาผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ๆ ร่วมกับบริษัทประกันภัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภค ขณะเดียวกัน บริษัทฯได้มองหาโอกาสการเข้าลงทุนในธุรกิจใหม่ๆเพิ่มมากขึ้น เพื่อเป็นการต่อยอดจากธุรกิจหลัก เพิ่มช่องทางสร้างรายได้ให้เติบโตในระยะยาวและในส่วนของการเตรียมร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ TQM เพื่อเพิ่มศักยภาพการเป็นบริษัทนายหน้าประกันภัยต่อให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น และสามารถแข่งขันในระดับสากลได้” นายชนะพันธุ์ กล่าว

ด้านนางยุพเรศ พิริยะพันธุ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TQR กล่าวว่า แนวโน้มธุรกิจประกันวินาศภัยในปี 2565 คาดว่าจะมีอัตราการเติบโต 4%-5.5% จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 มีแนวโน้มที่จะสามารถควบคุมให้อยู่ในระดับที่สามารถบริหารจัดการได้ ซึ่งจะส่งผลให้การบริโภค การลงทุน การนำเข้า ส่งออกสินค้าและบริการ เริ่มที่จะทยอยฟื้นตัวได้ตามลำดับ โดยคาดว่าหลังไตรมาส 2 ของปีนี้ เศรษฐกิจไทยจะเริ่มส่งสัญญาณในทิศทางที่ดีขึ้น มีการผ่อนคลายกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น ทำให้ธุรกิจประกันภัยจะได้รับประโยชน์ตามไปด้วย มั่นใจว่าจะเป็นส่วนช่วยสนับสนุนผลงานในปีนี้เติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้

อนึ่ง ภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2564 (สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2564) บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 97.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.60% เทียบปีที่ผ่านมามีกำไรสุทธิ 74.06  ล้านบาท ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 256.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.77% เทียบปีที่ผ่านมา มีรายได้รวม 196.04 ล้านบาท

ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา ได้มีการอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลงวดประจำปี 2564 ให้กับผู้ถือหุ้นเป็นเงินสดอีกในอัตรา 0.153 บาท/หุ้น โดยวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) ในวันที่ 16 มีนาคม 2565 ซึ่งวันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) ในวันที่ 17 มีนาคม 2565 และกำหนดวันที่จ่ายปันผลเป็นวันที่ 11 พฤษภาคม 2565 ซึ่งบริษัทฯ ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในงวด 6 เดือนแรกของปี 2564 ในอัตรา 0.165 บาท/หุ้นไปแล้ว เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2564 ทั้งนี้ สิทธิในการรับเงินปันผลดังกล่าวขึ้นอยู่กับการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทในวันที่ 27 เมษายน 2565

Back to top button