SCB เปิดไทม์ไลน์แปลงสิทธิ SCBX ซื้อก่อน 11 เม.ย.นี้

SCB แจงคำเสนอซื้อหุ้น SCBF ซื้อก่อนวันที่ 11 เม.ย. นี้ ถึงจะแปลงสิทธิได้ โดยในอัตราการแลกหลักทรัพย์ 1 หุ้นสามัญของธนาคาร ต่อ 1 หุ้นสามัญของ SCBX และ 1 หุ้นบุริมสิทธิของธนาคาร ต่อ 1 หุ้นสามัญของ SCBX แต่ภายหลังจากวันดังกล่าวนักลงทุนสามารถเข้าซื้อหลักทรัพย์ของธนาคารได้ตามปกติ


ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ได้แจ้งผ่านสารสนเทศทางตลาดหลักทรัพย์ฯ ถึงผู้ถือหุ้นและนักลงทุนทราบว่า บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) (“ผู้ทำคำเสนอซื้อ” หรือ “SCBX”) จะทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของธนาคาร โดยการออกและเสนอขายหลักทรัพย์ที่ออกใหม่ของ SCBX แก่ผู้ถือหุ้นของธนาคาร เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกับหลักทรัพย์ของธนาคารในอัตราการแลกหลักทรัพย์เท่ากับ 1 หุ้นสามัญของธนาคาร ต่อ 1 หุ้นสามัญของ SCBX และ 1 หุ้นบุริมสิทธิของธนาคาร ต่อ 1 หุ้นสามัญของ SCBX

ทั้งนี้ในการทำคำเสนอซื้อดังกล่าว SCBX จะยกเลิกคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ หากจำนวนหุ้นที่มีผู้แสดงเจตนาขายมีจำนวนน้อยกว่าร้อยละ 90 ของจำนวนสิทธิออกเสียงทั้งหมดของธนาคาร โดย SCBX ได้กำหนดระยะเวลาการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ ตั้งแต่วันที่ 2 มีนาคม 2565 จนถึงวันที่ 18 เมษายน 2565 ระหว่างเวลา 9.00 น. ถึง 16.00 น. ของทุกวันทำการรวมทั้งสิ้น 30 วันทำการ โดยเป็นระยะเวลารับซื้อสุดท้าย

โดย SCBX ได้ดำเนินการทำคำเสนอซื้อหุ้นของธนาคาร ตั้งแต่วันที่ 2 มีนาคม 2565 จนถึงวันที่ 5 เมษายน 2565 รวมเป็นระยะเวลา 25 วันทำการแล้ว ดังนั้น ธนาคารขอแจ้งเตือนผู้ถือหุ้นและผู้ที่ประสงค์จะซื้อหุ้นของธนาคารเพื่อแลกหุ้นในขั้นตอนการตอบรับคำเสนอซื้อ ดังนี้

1.วันสุดท้ายของการยื่นแบบตอบรับการทำคำเสนอซื้อพร้อมเอกสารประกอบให้กับตัวแทนในการรับซื้อหลักทรัพย์ คือ วันจันทรท์ที่ 18 เมษายน 2565 ก่อนเวลา 16.00 น. โดยตัวแทนในการรับซื้อหลักทรัพย์ ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย พลัส จำกัด

2.เนื่องจากการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (“ตลาดหลักทรัพย์ฯ”) มีขั้นตอนการชำระราคาและส่งมอบหุ้นในวันทำการที่ 2 ถัดจากวันซื้อขาย หรือ T+2 ดังนั้น วันทำการสุดท้ายที่นักลงทุนสามารถซื้อหุ้นของธนาคาร เพื่อนำมาตอบรับคำเสนอซื้อได้ คือ วันจันทรท์ที่ 11 เมษายน 2565 

โดยภายหลังวันที่ 11 เมษายน 2565 นักลงทุนสามารถเข้าซื้อหลักทรัพย์ของธนาคารได้ตามปกติ แต่จะไม่สามารถนำหลักทรัพย์นั้นมาตอบรับคำเสนอซื้อได้ ซึ่งภายหลังจากการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของธนาคารแล้วเสร็จและเมื่อตลาดหลักทรัพย์ฯ อนุญาตให้หุ้นสามัญของ SCBX เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนหุ้นของ SCBX จะเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในวันเดียวกับวันที่หุ้นของธนาคารจะถูกเพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ดังนั้น ผู้ถือหุ้นของธนาคารที่ไม่ตอบรับคำเสนอซื้อจะได้รับผลกระทบดังนี้

1.หุ้นของธนาคารขาดสภาพคล่อง โดยหุ้นของธนาคาร จะพ้นสภาพการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน และจะไม่มีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือตลาดรองอื่น ๆ

2.ขาดโอกาสในการได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนจากการดำเนินงานของธุรกิจที่โอนย้ายไปยัง SCBX และ
ธุรกิจใหม่ในอนาคต ซึ่งผู้ถือหุ้นที่ไม่ตอบรับคำเสนอซื้อ จะไม่มีโอกาสในการได้รับผลตอบแทนจากการดำเนินงานของ
ธุรกิจที่โอนย้ายไปยัง SCBX และธุรกิจใหม่ที่ SCBX จะมีการลงทุน ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตสูงและมีศักยภาพที่จะสามารถจดทะเบียนและระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในอนาคตได้

3.ไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ด้านภาษี ซึ่งหลังจากหุ้นของธนาคารพ้นสภาพการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน ผู้ถือหุ้นที่เป็นบุคคลธรรมดาจะไม่ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับกำไรจากการซื้อขายหุ้น (Capital gain tax) นอกจากนี้ผู้ถือหุ้นของธนาคาร ทั้งที่เป็นบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลจะต้องเสียอากรแสตมป์ ในการโอนหุ้นสามัญของธนาคาร ในกรณีที่บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นนายทะเบียนหลักทรัพย์

4.นโยบายการจ่ายเงินปันผลอาจเปลี่ยนแปลงไปในอนาคต โดยนโยบายการจ่ายเงินปันผลของธนาคาร ภายหลังการปรับโครงสร้างการถือหุ้นอาจมีการเปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากธนาคารจะอยู่ภายใต้ SCBX ดังนั้นนโยบายการจ่ายเงินปันผลของธนาคาร จะต้องขึ้นอยู่กับแผนธุรกิจในอนาคตและความเหมาะสมโดยรวมเพื่อพิจารณาฐานะทางการเงินของ SCBX

5.ได้รับข้อมูลข่าวสารของธนาคารน้อยลง เนื่องจากหุ้นของธนาคารจะถูกเพิกถอนจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ผู้ถือหุ้นของธนาคารจะมีข้อจำกัดในการได้รับข่าวสารจากธนาคาร

สำหรับในกรณีของผู้ถือหุ้นซึ่งถือหุ้นของธนาคารในรูปแบบใบหุ้น (Scrip) ผู้ถือหุ้นสามารถส่งแบบตอบรับคำเสนอซื้อพร้อมเอกสารประกอบได้ที่ตัวแทนในการรับซื้อหลักทรัพย์ทุกราย ยกเว้นบริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย พลัส จำกัด (สำหรับผู้แสดงเจตนาทั้งประเภทบุคคลและนิติบุคคล) และที่สาขาของธนาคารไทยพาณิชย์ทั่วประเทศ (เฉพาะผู้แสดงเจตนาประเภทบุคคล) สำหรับกรณีของผู้ถือหุ้นซึ่งถือหุ้นของธนาคารในรูปแบบไร้ใบหุ้น (Scripless) ผู้ถือหุ้นสามารถส่งแบบตอบรับคำเสนอซื้อพร้อมเอกสารประกอบได้ที่บริษัทหลักทรัพย์ที่ผู้ถือหุ้นมีบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์อยู่ โดยบริษัทหลักทรัพย์นั้นจะเป็นผู้ให้บริการรวบรวมและนำส่งแบบตอบรับคำเสนอซื้อดังกล่าวให้แก่ตัวแทนในการรับซื้อหลักทรัพย์ต่อไป

Back to top button