“บัวขาว” เปิดตัว “BUAKAW 1” ดันมวยไทยสู่โลก Metaverse เริ่มพรีเซล 8 พ.ค.นี้

“บัวขาว” เปิดตัวโปรเจกต์ NFT “BUAKAW 1” ผลักดันมวยไทยสู่โลก Metaverse กับ คอลเลคชั่นศิลปะ “จิตวิญญาณนักสู้” จำนวนจำกัด 10,000 ชิ้น เริ่ม Pre-sale 8 พ.ค.นี้


นายสมบัติ บัญชาเมฆ หรือ บัวขาว นักมวยไทยระดับตำนาน เปิดตัวโปรเจกต์ NFT (Non-Fungible Token) ที่ใช้ชื่อว่า“BUAKAW 1” ซึ่งเกิดจากความร่วมมือของ 3 ฝ่าย ได้แก่ ค่ายมวยบัญชาเมฆ  ซึ่งมี บัวขาว บัญชาเมฆ เป็นเจ้าของค่าย, บริษัท ซิคซ์ เนทเวิร์ค (ไทยแลนด์) จำกัด กลุ่มผู้นำด้านบล็อกเชนและการเงินไร้ตัวกลาง และ บริษัท วายดีเอ็ม (ไทยแลนด์) จำกัด (YDM Thailand) ผู้นำด้าน MarTech ที่มีประสบการณ์และความแข็งแกร่งด้านการตลาดและเทคโนโลยีมากกว่า 10 ปี นอกจากนี้ ยังได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มบริษัทในเครือ FSN ประเทศเกาหลีใต้ รวมกว่า 10 บริษัท

“มวยไทยเป็นศิลปะประจำชาติไทยที่มีเอกลักษณ์ เป็นที่ชื่นชมและยกย่องของคนทั้งโลก ผมรู้สึกยินดี ตื่นเต้น และภูมิใจมาก ในการเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยต่อยอดศิลปะการต่อสู้มวยไทยให้เผยแพร่อย่างกว้างขวางขึ้น และพร้อมจะมีส่วนร่วมในการผลักดันมวยไทยเข้าไปสู่ในโลก Metaverse หรือโลกแห่งอนาคต ซึ่งจะทำให้มวยไทยคงอยู่เป็นตำนานตลอดไป” นายสมบัติกล่าว

ด้านนายธนพล ทรัพย์สมบูรณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท วายดีเอ็ม (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า จุดเด่นของโปรเจกต์ NFT BUAKAW 1 คือ ความแข็งแกร่งของตัวตน ‘บัวขาว บัญชาเมฆ’ ซึ่งเป็นนักมวยไทยระดับโลกที่คว้าแชมป์บนเวทีจากต่างประเทศมากมาย และมีแฟนคลับทั่วโลกตั้งแต่ ไทย ญี่ปุ่น จีน สิงคโปร์ อังกฤษ สเปน รัสเซีย สหรัฐอเมริกา ฯลฯ ซึ่งเห็นได้ชัดเจนจากจำนวนผู้ติดตามใน Social Media ของบัวขาว ทั้ง Facebook ซึ่งมีผู้ติดตามถึง 4.5 ล้านคน หรือใน Instagram มีผู้ติดตามกว่า 1 ล้านคน รวมทั้ง VDO การชกแมทช์ต่าง ๆ มียอดรับชมเกินกว่า 10 ล้าน อย่างต่อเนื่อง จึงนับได้ว่าเป็นคนดังที่มีผู้ติดตามจำนวนมาก และอยู่ในกระแสความสนใจของสังคมตลอดเวลา

โดยโปรเจกต์ NFT BUAKAW 1 ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่ยิ่งใหญ่ในการยกระดับวงการมวยไทยจากสังเวียนบนโลกแห่งความจริง สู่โลกแห่งดิจิทัล สร้างประสบการณ์ใหม่ๆให้กับผู้คนที่ชื่นชอบมวยไทยทั่วโลก และมีโอกาสมาก ๆ ที่โปรเจกต์ NFT BUAKAW1 จะกลายเป็นโปรเจกต์ NFT ของคนไทยโปรเจคแรก ที่ยิ่งใหญ่ในสเกลระดับโลกได้

สำหรับโปรเจกต์ NFT BUAKAW 1 จัดทำเป็นดิจิทัลอาร์ตแบบ Generative Art ในชื่อคอลเลคชัน “จิตวิญญาณนักสู้” ซึ่งมีจำกัดเพียง 10,000 ชิ้น โดยสะท้อนตัวตนของบัวขาว นักมวยไทยที่ทั่วโลกให้การยอมรับว่าเป็นนักมวยไทยที่แข็งแกร่งที่สุด  มีทั้งความรวดเร็ว เฉียบคม ดุดัน รวมถึงวิญญาณของความเป็นนักสู้ ที่ไม่เคยคิดยอมแพ้ ไม่ว่าการชกจะเสียเปรียบขนาดไหน ซึ่งนอกจากผู้ซื้อจะได้รับงานดิจิทัลอาร์ตอันสวยงาม ที่มีจำนวนจำกัดของบัวขาว

ทั้งนี้ผู้ซื้อจะได้รับสิทธิพิเศษเข้าร่วมกิจกรรม ทั้งออนไลน์และออฟไลน์กับทางบัวขาว อาทิ ร่วมชมการฝึกซ้อมมวยไทยของบัวขาวทางออนไลน์ พร้อมเปิดเทคนิคศิลปะแม่ไม้มวยไทย ที่ไม่มีเคยมีใครได้รับชมมาก่อน, ร่วมชมการซ้อมชกนัดพิเศษกับนักมวยที่มีชื่อเสียงต่าง ๆ, รับหมัดน็อกเอ๊าท์จากบัวขาว, ลุ้นรับของที่ระลึกพิเศษที่ไม่สามารถประเมินค่าได้  เช่น นวม และ กางเกงมวยไทย พร้อมลายเซ็นของบัวขาว รวมทั้งของใช้ส่วนตัวของบัวขาว, ลุ้นรับสิทธิ์ในการเข้าพักที่ “BUAKAW Village” ร่วมซ้อมมวย ปะทะหมัด กับบัวขาวตัวจริง หมัดจริง ที่จังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย รวมไปถึงรับสิทธิ์ในการเข้าร่วมโปรเจกต์ลับ “The Next Fighter” เฉพาะผู้ถือครอง NFT BUAKAW 1 เท่านั้น และพลาดไม่ได้กับรับสิทธิ์ในการเข้าร่วม BUAKAW Metaverse

ด้านนายวัชระ เอมวัฒน์ ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอร่วมบริหาร บริษัท ซิคซ์ เนทเวิร์ค (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า NFT BUAKAW 1 เป็นเพียงจุดเริ่มต้นจุดแรกของการก้าวสู่โลกดิจิทัลของบัวขาวและมวยไทย บริษัทฯยังพร้อมเดินหน้าต่อเนื่อง โดยเตรียมปล่อยโปรเจกต์ “The Next Fighter” ที่ต่อยอดจาก NFT BUAKAW 1 รวมไปถึงการเข้าสู่โลกใหม่แห่งอนาคต คือ Metaverse โดยเรื่องราวที่เกี่ยวกับมวยไทย เช่น ค่ายมวย, สนามแข่งมวย, ผู้ฝึกมวย, นักมวย จะก้าวเข้าสู่โลกของ Metaverse อย่างพร้อมเพียงกันในนามของ BUAKAW Metaverse ซึ่งสิทธิ์ในการเข้าร่วมโปรเจกต์ “The Next Fighter” และ BUAKAW Metaverse นั้น ผู้ที่ถือครอง NFT BUAKAW 1 จะได้รับสิทธิ์เข้าร่วมก่อนใคร จึงทำให้การลงทุนใน NFT BUAKAW 1 มีความคุ้มค่าและมีแนวโน้มมีมูลค่าเพิ่มขึ้นได้เรื่อย ๆ ในอนาคต

สำหรับ NFT BUAKAW 1 เตรียมเปิดจำหน่ายรอบ Pre-Sale ในวันที่ 8 พฤษภาคม 2565 (จำกัดสิทธิ์การเฉพาะสมาชิก Discord Buakaw 1 และ สมาชิกของพันธมิตร ที่เข้าร่วมกิจกรรมตามที่กำหนดเท่านั้น) และเปิดรอบ Public Sale ในวันที่ 9 พฤษภาคม 2565 บน เครือข่าย Ethereum (ETH) ทางช่องทาง www.buakaw.club/th

Back to top button