MAKRO เดินหน้ารุกตลาด “O2O” สู่ผู้นำค้าส่ง-ปลีก ระดับเอเชีย

MAKRO เดินหน้ารุกตลาด O2O ต่อยอดธุรกิจออนไลน์ อี-คอมเมิร์ซ เสริมศักยภาพสู่เป้าหมายผู้นำธุรกิจค้าส่งค้าปลีกในภูมิภาคเอเชีย


นางเสาวลักษณ์ ถิฐาพันธ์ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่มธุรกิจ สายงานบัญชีและการเงิน บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO เปิดเผยว่า ไตรมาสแรกของปี 2565 บริษัทฯ มีการเติบโตในระดับที่ดีจากสถานการณ์การฟื้นตัวของภาคธุรกิจ ภาคการท่องเที่ยวของกลุ่มธุรกิจโรงแรมและร้านอาหาร โดยบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 2,050 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.30% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 1,734 ล้านบาท และมียอดขายเติบโต 106,268 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 51,400 ล้านบาท หรือ 93.70% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

โดยผลการดำเนินงานที่ดีในไตรมาสแรกนี้ เป็นผลมาจากการรวมกิจการกลุ่มธุรกิจค้าปลีก ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2564 ประกอบกับการเติบโตของรายได้จากการขายของกลุ่มธุรกิจค้าส่ง ซึ่งเป็นการเติบโตอย่างต่อเนื่องของธุรกิจแม็คโครประเทศไทย ทั้งการขยายสาขาใหม่ การเปิดแพลตฟอร์มตลาดค้าส่งออนไลน์ maknet สร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับธุรกิจเอสเอ็มอี และผู้ประกอบการรายย่อย

นอกจากนี้ธุรกิจแม็คโครต่างประเทศ ยังมีการเติบโตจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นใน กัมพูชา อินเดีย และ เมียนมาร์ รวมถึงธุรกิจฟูดเซอร์วิสที่ได้รับอานิสงส์จากกลุ่มโรงแรมร้านอาหาร ที่ฟื้นตัวจากวิกฤตโรคโควิด-19 และภาคการท่องเที่ยว ตลอดจนรายได้จากค่าเช่าและการให้บริการศูนย์การค้าของกลุ่มธุรกิจค้าปลีก

สำหรับการดำเนินงานดังกล่าว ตอกย้ำถึงความแข็งแกร่งและศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ โดยนับจากนี้บริษัทฯ มีแผนงานในการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี สร้างโอกาสการเติบโตในตลาด O2O เพื่อขยายธุรกิจออนไลน์และออฟไลน์อย่างต่อเนื่อง ทั้งในกลุ่มค้าส่ง (แม็คโคร) และค้าปลีก (Lotus’s) โดยตั้งเป้าหมายสู่การเป็นผู้นำธุรกิจค้าส่งค้าปลีกในภูมิภาคเอเชีย

อย่างไรก็ตาม นับจากนี้ธุรกิจค้าส่งค้าปลีก ยังคงต้องเผชิญความท้าทายท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนอย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น สถานการณ์ราคาน้ำมันในประเทศและทั่วโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น  ส่งผลต่อต้นทุนราคาสินค้าและการดำเนินงาน แรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อ ค่าครองชีพสูงที่อาจส่งผลต่อการชะลอตัวของกำลังซื้อ รวมถึงกระแสการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำที่จะส่งผลกับทุกธุรกิจ

Back to top button