
โบรกชู GULF-BCPG ท็อปพิก รับ “กพช.” เคาะมติหนุนกลุ่มโรงไฟฟ้า
บล.กรุงศรี ประเมิน กพช. ไฟเขียวหลายมาตรการ หนุนบวกหุ้นโรงไฟฟ้า โบรกชู GULF-BCPG ท็อปพิก รับการเติบโตชัดเจน เสี่ยงนโยบายค่าไฟต่ำ มองเป็นตัวเลือกปลอดภัยท่ามกลางความไม่แน่นอนเศรษฐกิจ
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) มีมติสำคัญเกี่ยวกับกลุ่มโรงไฟฟ้า ดังนี้
อนุมัติลงนาม PPA โครงการพลังงานลม ครอบคลุมโครงการที่ยังไม่เซ็นสัญญาจากรอบพลังงานหมุนเวียนเฟส 1 และ 2 พร้อมขยายกรอบเวลาการ COD เป็นภายในปี 2573 ส่งผลบวกต่อผู้ประกอบการที่มีสัดส่วนโครงการพลังงานลมสูง เช่น GULF กำลังผลิต 528 เมกะวัตต์ และ GUNKUL กำลังผลิต 284 เมกะวัตต์
เจรจาสัญญาค่าไฟ FiT โครงการพลังงานแสงอาทิตย์ สำหรับโครงการเฟส 2 มีกำลังผลิต 2,100 เมกะวัตต์ โดยปรับสมมติฐานต้นทุนให้สอดคล้องกับภาคเอกชน และขยายกำหนด COD ของโครงการที่มีการปรับลดค่าไฟ ทำให้มีผลกระทบเชิงจิตวิทยาเล็กน้อยต่อผู้ประกอบการโซลาร์ เช่น RATCH, EGCO, GPSC, BGRIM และ GUNKUL
อนุมัติขยายอายุโรงไฟฟ้าน้ำพองและแม่เมาะ รวมกำลังการผลิต 3,050 เมกะวัตต์ ไปจนถึงปี 2574 ซึ่งมีผลต่อการสั่ง Run โรงไฟฟ้า IPP และ SPP จำกัด เนื่องจากสัญญาส่งผ่านต้นทุนให้ EGAT
คงอัตราค่าไฟงวด ก.ย.-ธ.ค. 3.94 บาท/หน่วย โดยมองเป็นกลางต่อกลุ่ม SPP เนื่องจากสามารถชดเชยกับราคาก๊าซในครึ่งหลังของปี 2568
ยกเลิกแผนแยก System Operator (SO) จาก กฟผ. ทำให้ไทยยังอยู่ภายใต้โมเดล Single Buyer ส่งผลลบเล็กน้อยต่อความยืดหยุ่นด้าน Direct PPA และ TPA
สำหรับการอนุมัติการลงนาม PPA โครงการพลังงานลมล่าสุด มีผลบวกต่อผู้ประกอบการโรงไฟฟ้า Renewables ที่มีสัดส่วนพลังงานลมสูง อาทิ บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF กำลังผลิต 528 เมกะวัตต์ และบริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL กำลังผลิต 284 เมกะวัตต์ (ส่วนที่ยังไม่ได้เซ็น PPA ในรอบพลังงานหมุนเวียนเฟส 2)
ขณะเดียวกัน การเจรจาค่าไฟ FiT ของโซล่าร์เฟส 2 ถูกมองเป็น Sentiment ลบเล็กน้อยต่อผู้ประกอบการที่ได้รับคัดเลือกในรอบ 2,100 MW ประกอบด้วย บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH กำลังผลิต 298 เมกะวัตต์, บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO กำลังผลิต 168 เมกะวัตต์, บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC 93 เมกะวัตต์, บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM กำลังผลิต 39 เมกะวัตต์ และ GUNKUL กำลังผลิต 35 เมกะวัตต์ โดยแม้จะมีการผ่อนปรนเกณฑ์คำนวณต้นทุน แต่ค่าไฟ FiT อาจปรับลดบางส่วน ส่งผลต่ออัตราผลตอบแทนภายในของโครงการ อย่างไรก็ดี โครงการรอบพลังงานหมุนเวียนเฟส 2 ยังไม่รวมในประมาณการกลุ่มโรงไฟฟ้า
ด้านการขยายอายุโรงไฟฟ้าน้ำพองและแม่เมาะ บริษัทประเมินว่าผลกระทบอยู่ในระดับจำกัด เนื่องจาก Energy margin สำหรับไฟฟ้าที่ขายให้ EGAT ปกติอยู่ในกรอบ 1–2% ของต้นทุน ส่วนการคงอัตราค่าไฟ SPP ช่วง ก.ย.–ธ.ค. 3.94 บาท/หน่วย ถูกมองเป็นกลาง โดยคาดว่าการลดค่าไฟสามารถชดเชยได้จากราคา Pool gas ในครึ่งปีหลัง
นอกจากนี้ การยกเลิกแผนแยก SO ออกจาก กฟผ. ถูกมองเป็น Sentiment ลบเล็กน้อย อาจทำให้การออกนโยบาย Direct PPA และ TPA มีความท้าทายเพิ่มขึ้น แต่ยังมีกรณีศึกษาประเทศเพื่อนบ้าน เช่น มาเลเซียและเวียดนาม ที่แม้เป็น Single Buyer ก็อนุญาตให้โรงไฟฟ้า RE จ่ายไฟตรงและคิดค่า Wheeling charge จึงต้องติดตามนโยบายอย่างใกล้ชิด
สำหรับการลงทุน ทางฝ่ายวิจัยยังคงเลือก GULF โดยแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 56.50 บาท) และ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 8.0 บาท เป็น Top Pick ของกลุ่มโรงไฟฟ้า โดยทั้งคู่มี Theme การเติบโตชัดเจน และถือเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยที่สุดในสภาพแวดล้อมปัจจุบัน