COLOR โชว์ Q1 รายได้พุ่ง 19% ลุยซื้อเครื่องจักร “Floating” 15 MW อัพยอด

COLOR ไตรมาส 1 รายได้พุ่ง 19% เริ่มรับรู้ธุรกิจใหม่เข้ามาหนุน พร้อมซื้อเครื่องจักร Floating กำลังผลิต 15 MW อัพยอด คาดว่าจะได้รับและติดตั้งเครื่องจักรภายในไตรมาส 3/65 ส่งผลให้กำลังการผลิตเพิ่มเป็น 30 เมกะวัตต์ โดยตั้งเป้าธุรกิจใหม่จะสร้างรายได้อยู่ที่ 10-15% ของรายได้รวมใน 1-2 ปีข้างหน้า


นายพีรพันธ์ จิวะพรทิพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สาลี่ คัลเล่อร์ จำกัด (มหาชน) หรือ COLOR เปิดเผยว่า รายงานผลประกอบการในไตรมาส 1/2565 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2565 มีรายได้รวมอยู่ที่ 333 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53 ล้านบาท หรือ 19% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 280 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรสุทธิ 14.16 ล้านบาท

สำหรับปัจจัยที่สนับสนุน เนื่องจากยอดขายในส่วนธุรกิจผลิตเม็ดพลาสติก ซึ่งเป็นธุรกิจหลักมียอดขายเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินค้าที่เกี่ยวข้องกับพลาสติกที่เกี่ยวข้องกับสินค้า บรรจุภัณฑ์ อุปโภคบริโภค และผลิตภัณฑ์พลาสติกเกี่ยวข้องอื่นๆเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะช่วงสถานการณ์โควิด-19  ทำให้ยอดใช้ผลิตภัณฑ์ประเภท ถาด ถ้วย ถุง ต่างๆ ที่จำเป็นต่อการใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร ปรับตัวเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ ยังรับรู้รายได้เพิ่มจากธุรกิจใหม่ พลังงานทดแทน ผลิตทุ่นโซลาร์ลอยน้ำ (Floating Solar) เพื่อใช้สำหรับระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนทุ่นลอยน้ำ (Floating PV System) ขนาดกำลังการผลิต 15 เมกะวัตต์

ส่วนการผลิต Floating กำลังการผลิต 15 เมกะวัตต์ ปัจจุบันบริษัทฯได้มีการสั่งซื้อเครื่องจักรเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตทุนลอยน้ำ สำหรับพลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มอีก 15 เมกะวัตต์ คาดว่าจะได้รับและติดตั้งเครื่องจักรภายในไตรมาส 3/2565 ส่งผลให้กำลังการผลิตเพิ่มเป็น 30 เมกะวัตต์ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่มีสูง ซึ่งจะช่วยผลักดันการสร้างรายได้ นอกเหนือจากธุรกิจผลิตเม็ดพลาสติก ที่สร้างรายได้หลัก โดยตั้งเป้าธุรกิจใหม่จะสร้างรายได้อยู่ที่ 10-15% ของรายได้รวมใน 1-2 ปีข้างหน้า

อีกทั้งยังอยู่ระหว่างการศึกษาและพัฒนาธุรกิจใหม่ๆ เน้นที่ อุตสาหกรรมเกษตร  และอุตสาหกรรมก่อสร้าง  ซึ่งในส่วนของอุตสาหกรรมเกษตรปัจจุบันอยู่ระหว่างการทำวิจัยและพัฒนา  ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม  และบริษัทฯต้องการเพิ่มศักยภาพให้เกษตรกร เพราะสินค้าที่เราพัฒนา จะเป็นสินค้านวัตกรรมที่จะสร้าง productivity   ทำให้คุณสมบัติของสินค้าเกษตรมีมูลค่าสูงขึ้น  ลดต้นทุนให้เกษตรกร  เช่น การพัฒนาให้พืชที่ปลูกมีอัตราการโตจะเร็วขึ้น และมีผลผลิตที่เพิ่มขึ้น เป็นต้น คาดเห็นความชัดเจนภายในปีนี้ เพื่อต่อยอดธุรกิจเดิม

Back to top button