“ส.อ.ท.” เผยยอดส่งออกรถยนต์ เม.ย. โต 5.33% แตะ 55,696 คัน

“ส.อ.ท.” เผยยอดส่งออกรถยนต์ เม.ย. โต 5.33% แตะ 55,696 คัน ดัน 4 เดือนแรกปีนี้ ทะลุ 2.98 แสนคัน มั่นใจปี 65 ขยายตัว 5%


นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ในเดือนเม.ย. 65 ยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปอยู่ที่ 55,696 คัน ขยายตัวเพิ่มขึ้น 5.33% จากเดือน เม.ย.64 แต่ลดลง 40.65% จากเดือน มี.ค.65

โดยการส่งออกเพิ่มขึ้นเป็นเดือนแรกในปีนี้จากรถกระบะเป็นหลัก ทำให้ส่งออกเพิ่มขึ้นในตลาดเอเชีย ตะวันออกกลาง อเมริกาเหนือ อเมริกากลางและอเมริกาใต้ โดยมีมูลค่าการส่งออก 33,480.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.34% จากเดือน เม.ย.64

ขณะที่การส่งออกในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-เม.ย.65) อยู่ที่ 298,720 คัน ลดลง 3.94% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่มีมูลค่าการส่งออก 177,646.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.68% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเชื่อว่ามูลค่าการส่งออกในปีนี้จะขยายตัวได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ 5%

“เดือนเมษายนจะมีวันหยุดเยอะ แต่ตัวเลขดีขึ้นทั้งหมด ทั้งการผลิต ยอดขายในประเทศ และยอดส่งออก แม้จะยังเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนตักเตอร์” นายสุรพงษ์ กล่าว

สำหรับจำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือน เม.ย.65 มีทั้งสิ้น 117,786 คัน เพิ่มขึ้น 12.87% จากเดือน เม.ย.64 แต่ลดลง 31.79% จากเดือน มี.ค.65 ส่งผลให้จำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ 597,864 คัน เพิ่มขึ้น 4.85% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ส่วนยอดขายรถยนต์ในประเทศของเดือน เม.ย.65 อยู่ที่ 63,427 คัน เพิ่มขึ้น 9.11% จากเดือน เม.ย.64 แต่ลดลง 27.30% จากเดือน มี.ค.65 เนื่องจากการผ่อนคลายการล็อกดาวน์และการอนุญาตให้จัดงานสงกรานต์ในวงจำกัด รวมทั้งการส่งมอบรถยนต์ให้ผู้จองรถยนต์ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ที่สิ้นสุดวันที่ 3 เม.ย.65 เพื่อเดินทางกลับภูมิลำเนา

การผ่อนคลายข้อจำกัดนักท่องเที่ยวเข้าประเทศให้มีความสะดวกมากขึ้น ทำให้มีเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจมากขึ้น แต่ยังกังวลเกี่ยวกับราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นมากและค่าเงินบาทที่อ่อนค่ามากในรอบหลายปีจะทำให้ต้นทุนสินค้าหลายอย่างเพิ่มขึ้น รวมทั้งหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงจะทำให้อำนาจซื้อของประชาชนลดลง ขณะที่ยอดขายในประเทศช่วง 4 เดือนแรกอยู่ที่ 294,616 คัน เพิ่มขึ้น 16.79% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

“ดูจากยอด 4 เดือนแล้ว ปีนี้น่าจะผลิตได้ตามเป้า 1.8 ล้านคัน ยอดขายในประเทศปีนี้น่าจะสูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 8 แสนคัน น่าจะได้ 8.5-9 แสนคัน” นายสุรพงษ์ กล่าว

สำหรับสถานการณ์ยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศมีการจดทะเบียนเพิ่มขึ้นตามทิศทางตลาดโลก เนื่องจากภาครัฐมีมาตรการสนับสนุน ทั้งในเรื่องการปรับลดภาษีสรรพสามิตนำเข้า ส่วนลด และการติดตั้งสถานีชาร์จไฟเพิ่มเติม ประกอบกับราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นจึงเป็นตัวกระตุ้นความต้องการใช้มากขึ้น

โดยในเดือน เม.ย.65 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่จำนวน  1,232 คัน เพิ่มขึ้น 197.58% จากเดือน เม.ย.64 และในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้มียอดจดทะเบียนใหม่สะสมจำนวน 4,131 คัน เพิ่มขึ้น 145.31% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ประเภท HEV มียอดจดทะเบียนใหม่จำนวน 4,709 คัน เพิ่มขึ้น 64.19% จากเดือน เม.ย.64 และช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้มียอดจดทะเบียนใหม่สะสมจำนวน 21,731 คัน เพิ่มขึ้น 42.40% จากเดือน เม.ย.64

ประเภท PHEV มียอดจดทะเบียนใหม่จำนวน 837 คัน เพิ่มขึ้น 45.31% จากเดือน เม.ย.64 และช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้มียอดจดทะเบียนใหม่สะสมจำนวน 3,806 คัน เพิ่มขึ้น 56.56% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ส่งผลให้ปัจจุบันมียานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท BEV ณ วันที่ 30 เมษายน 2565 จำนวนทั้งสิ้น 15,474 คัน เพิ่มขึ้น 113.43% จากปีที่แล้ว ส่วนประเภท HEV มีจำนวนทั้งสิ้น 218,086 คัน เพิ่มขึ้น 23.67% จากปีที่แล้ว และประเภท PHEV มีจำนวนทั้งสิ้น 34,938 คัน เพิ่มขึ้น 31.68% จากปีที่แล้ว

Back to top button