PLUS ส่งซิก Q3 ออกโปรดักส์กลุ่ม Plant-Based ดันรายได้ปีนี้โต 50%

PLUS วางแผนไตรมาส 3/65 ออกโปรดักส์ใหม่กลุ่ม Plant-Based ตั้งเป้ารายได้ปีนี้แตะ 1.5 พันลบ. โต 50% หลังโควิด-19 คลี่คลาย หนุนคำสั่งซื้อเพิ่ม เดินหน้ารุกขยายตลาดใหม่ สอดรับเทรนด์อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม


นายพลแสง แซ่เบ๊ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท โรแยล พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ PLUS เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 3/2565 คาดเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 2/2565 ที่ผ่านมา สนับสนุนผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังเติบโตต่อเนื่องจากครึ่งปีแรกที่ผ่านมา หลังสถานการณ์โควิดคลี่คลายทำให้คำสั่งซื้อเร่งตัวขึ้น

ขณะที่สถานการณ์ตู้คอนเทนเนอร์คลี่คลายดีขึ้น โดยล่าสุดค่าระวางเรือปรับลงจากช่วงก่อนหน้า ถือเป็นปัจจัยบวกต่อบริษัท รวมทั้งการฟื้นตัวของตลาดสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดหลักและตลาดตะวันออกกลาง ส่งผลให้สินค้ากลุ่มหลักอย่างน้ำนมมะพร้าวและน้ำมะพร้าวมีการเติบโตที่ดี รวมทั้งได้อานิสงส์เชิงบวกจากค่าเงินบาทอ่อนค่า เนื่องจากบริษัทมีรายได้เป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐราว 63% ของรายได้รวม ล้วนเป็นปัจจัยบวกสะท้อนการเติบโตที่แข็งแกร่ง

นอกจากนี้ ยังเสริมกลยุทธ์วางแผนการออกโปรดักส์ใหม่กลุ่ม Plant-Based ในช่วงครึ่งปีหลัง เป็นเครื่องดื่มน้ำนมมะพร้าว และโยเกิร์ตมะพร้าว ภายใต้แบรนด์ MABU ซึ่งเป็นเครื่องดื่มทางเลือกเพื่อสุขภาพ โดยใช้วัตถุดิบจากพืชเป็นหลัก (Plant-Based)

ขณะที่ “เครื่องดื่มกลุ่มน้ำมะพร้าว” ยังมีคำสั่งซื้อทยอยเข้ามาอย่างคึกคัก รวมถึงสถานการณ์ค่าระวางและสายเรือดีขึ้น สนับสนุนเป้าหมายการเติบโตของยอดขายในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 50% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนจากปริมาณคำสั่งซื้อที่เข้ามาต่อเนื่อง และมีการขยายช่องทางจัดจำหน่าย โดยปัจจุบันส่งสินค้าเข้าห้าง Walmart แล้วกว่า 2,000 สาขา

โดยปัจจุบัน PLUS ขยับขึ้นมาเป็นผู้ส่งออกน้ำผลไม้ลำดับที่ 3 ของประเทศจากเดิมลำดับที่ 12 และขึ้นชั้นเป็นลำดับที่ 1 ของกลุ่มน้ำผลไม้ผสมจากลำดับที่ 3 เมื่อสิ้นปี 2564 ตอกย้ำศักยภาพในการดำเนินธุรกิจในฐานะผู้ผลิตและส่งออกรายใหญ่ของประเทศ

สำหรับภาพรวมธุรกิจปี 2565 บริษัทตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 1,500 ล้านบาท เติบโต 50% จากปีก่อน เชื่อว่าจะทำได้ตามแผน เนื่องจากสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ผ่อนคลาย ภาพรวมการบริโภคในประเทศ และการส่งออกคึกคัก ส่งผลให้มีคำสั่งซื้อกลับเข้ามารับความต้องการผู้บริโภคเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งบริษัทมีแผนขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศในกลุ่ม CLMV และลงทุนในระบบเทคโนโลยีและเครื่องจักรเพิ่มเติม เพื่อขยายตลาดใหม่สอดรับเทรนด์อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มที่จะเติบโตในอนาคต

Back to top button