อุทธรณ์พิพากษายืน “ประหารชีวิต” บรรยิน ฆ่า เสี่ยชูวงษ์ เหตุตายก่อนรถชน

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนประหาร "บรรยิน ตั้งภากรณ์" ฆ่า "เสี่ยชูวงษ์ แซ่ตั๊ง” หลังหลักฐานมัดแน่นเสียชีวิตก่อนรถชน และพบการโอนหุ้นปลอมเกิดขึ้น


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้(26 ส.ค. 65) ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำ อ.4915/2559 ที่ นางศิริรัตน์ แซ่ตั๊ง ภรรยาของ นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง และพนักงานอัยการร่วมกันเป็นโจทก์ที่ 1-5 ยื่นฟ้อง พ ต.ท.บรรยิน หรือ นายบรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต รมช.พาณิชย์ และ ส.ส.นครสวรรค์ ฆ่าฆ่า นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง หรือ เสี่ยจืด นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างระดับประเทศ เป็นจำเลย ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันฆ่าผู้อื่นเพื่อจะเอาหรือเอาไว้ซึ่งประโยชน์อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่น เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (4) (7)

กรณีเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2558 นายชูวงษ์ อายุ 50 ปี เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์หรูยี่ห้อเลกซัส สีดำ ทะเบียน ภฉ 1889 กทม. ชนต้นไม้ โดยมี พ.ต.ท.บรรยิน จำเลย เป็นคนขับ มี นายชูวงษ์ นั่งข้างๆ ก่อนขับรถชนต้นไม้ริม ถ.เฉลิมพระเกียรติ ร.9 ระหว่างซอย 48 กับซอย 50 แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กทม. ทำให้ นายชูวงษ์ ถึงแก่ความตาย ซึ่งโจทก์มีพยานหลักฐานเชื่อได้ว่าจำเลยกับพวกร่วมกันฆาตกรรมอำพรางว่าเป็นอุบัติเหตุรถชนต้นไม้ เหตุเกิดที่ ต.บางโฉลง กับ ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ และแขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร คดีนี้ศาลอาญาพระโขนงพิพากษาประหารชีวิต พ.ต.ท.บรรยิน สถานเดียว

โดยศาลอุทธรณ์พิเคราะห์พยานโจทก์และจำเลยแล้ว เห็นว่า วันเกิดเหตุ พ.ต.ท.บรรยิน จำเลยออกสนามกอล์ฟเลควู้ด และอยู่กับผู้ตายเป็นคนสุดท้ายเมื่อเวลา 20.11 น. โดยนั่งรถยนต์ไปถึง กม.ที่ 48 ถึง 50 ในเวลา 22.21 น. ทั้งที่อยู่ห่างกันเพียง 37 กม. ใช้เวลาถึง 2 ชั่วโมง จึงนานเกินไปขัดแย้งกับคำให้การที่จำเลยให้การว่าขับเร็ว 80 กม.ต่อชั่วโมง หักหลบรถที่แซงล้ำมาในเลน พยานดูแล้วไม่มีรถขับสวนมาจริง และพบว่าจำเลยขับรถมาเร็วไม่เกิน 30 กม.ต่อชั่วโมง

ขณะที่พบว่า ศพผู้ตายไม่ได้เกิดจากรถขับไปชนต้นไม้ แต่เกิดจากการถูกตีด้วยของแข็งที่ศีรษะ เมื่อพิจารณาจากรอยช้ำที่ใบหน้า เปลือกตา ม่านตา อาหารในกระเพาะเชื่อว่านายชูวงศ์ตายก่อนเวลา 22.00 น.

นอกจากนี้ โจทก์ร่วมและญาติ ได้พบหลักฐานการโอนหุ้นปลอม สองครั้งให้กลุ่มจำเลยคือ 30 ล้านบาท กับ 228 ล้านบาท ให้ นส.อุรชา กับพวกทั้งที่ไม่ใช่ญาติ เชื่อว่า มีการโอนหุ้นโดยจำเลยมีส่วนร่วมด้วย ซึ่งศาลอาญาใต้พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 8 ปี จำเลยอื่นคนละ 4 ปี ฟังว่าการโอนหุ้นโดยทุจริตมีจำเลยเกี่ยวข้อง และผู้รับโอน เช่น น.ส.อุรชา ก็มีความสัมพันธ์กับจำเลย ดังนั้น เชื่อว่า จำเลยต้องการปกปิดการโอนหุ้นไม่ให้ผู้ตายรู้ ดังนั้น จำเลยอาศัยความเป็นเพื่อนสนิทและผู้ตายเกรงใจ ชักชวนมาตีกอล์ฟกับผู้ใหญ่แล้วจำเลยทำทีขับรถยนต์อาสาไปส่งผู้ตาย โดยขับออกนอกเส้นทางไปประมาณ 37 นาที แล้วร่วมกับพวกถูกดำเนินคดีใช้ของแข็งประทุษร้ายจนตายจากนั้นจำเลยขับรถและใช้มือซ้ายประคองร่างมาจุดเกิดเหตุ พิพากษาว่า จำเลยมีเจตนาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและเพื่อปกปิดการกระทำผิดของตน พิพากษายืนประหารชีวิต นอกจากนั้นเป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Back to top button