SCM ดีเดย์ “จัดให้ ลิสซิ่ง” ก.ย.นี้ ตั้งเป้าปี 67 พอร์ตสินเชื่อแตะ 1 พันล้าน

SCM ดีเดย์ปล่อยสินเชื่อ “จัดให้ ลิสซิ่ง” ก.ย.นี้ ตั้งเป้าภายในปี 67 เร่งเดินเครื่องขยายพอร์ตสินเชื่อแตะ 1,000 ล้านบาท พร้อมส่ง “เอส โมเน่-โกวอิ้งมอร์” ตีตลาด ปั้นยอดขายทั้งในประเทศ-ต่างประเทศ มั่นใจรายได้ปีนี้เติบโต 20%


นายนพกฤษฏิ์ นิธิเลิศวิจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCM ผู้นำในการดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์อุปโภคและบริโภค ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ รูปแบบลักษณะธุรกิจเครือข่ายแบบขายตรง (Multi-level Marketing หรือ MLM) เปิดเผยถึงการให้บริการธุรกิจลิสซิ่ง ภายใต้ชื่อ “บริษัท จัดให้ ลิสซิ่ง จำกัด” ว่า ภายในเดือนกันยายนนี้ สามารถเริ่มทยอยปล่อยสินเชื่อให้กับกลุ่มสมาชิกซัคเซสมอร์ อย่างเป็นทางการ โดยตั้งเป้าหมายพอร์ตสินเชื่อในเฟสแรกภายในสิ้นปีนี้ ที่ระดับ 50 ล้านบาท และคาดว่าจะขยายพอร์ตสินเชื่อเพิ่มขึ้นแตะระดับ 1,000 ล้านบาทได้ภายในปี 2567 อย่างแน่นอน

ทั้งนี้ บริษัทฯ มองว่า ในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 ภาพรวมตลาดอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค ในรูปแบบเครือข่าย(MLM) ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทฯ เร่งเดินกลยุทธ์ทางการตลาด โดยเตรียมเปิดผลิตภัณฑ์ใหม่ อาทิ ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าแบรนด์ เอส โมเน่ (S MONE’) ครีมบำรุงผิวหน้าสูตร เข้มข้น พร้อมเผยผิวขาวกระจ่างใส

นอกจากนี้ ยังเตรียมออกผลิตภัณฑ์ช่วยเรื่องการนอนหลับ และผลิตภัณฑ์อื่นๆ อีกหลาย SKU ควบคู่กับการขยายฐานกลุ่มสมาชิกใหม่ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยในเร็วๆ นี้บริษัทฯ เตรียมเปิดสาขาใหม่ ได้แก่ สาขาโคราช จ.นครราชสีมา รวมถึงขยายฐานสมาชิกไปยังต่างประเทศ  อย่าง ประเทศฟิลิปปินส์ จากปัจจุบันที่มีตัวแทนจำหน่ายแล้วใน 6 ประเทศ ได้แก่ พม่า, ลาว, กัมพูชา, เวียดนาม, มาเลเซีย และสิงคโปร์

แผนกลยุทธ์ทางการตลาดเชิงรุก ภายใต้การเจาะตลาดผ่านเครื่องมือดิจิทัล การปั้นขุนพลนักขยายเครือข่าย การสร้างการรับรู้แบรนด์และคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ไปยังผู้บริโภคให้มากขึ้น รวมถึงการใช้ Big Data เพื่อวิเคราะห์และสร้างประสบการณ์ที่ดีต่อแบรนด์ให้กับลูกค้า ส่งผลให้ปัจจุบันบริษัทฯ มีสมาชิกรวมทั้งในและต่างประเทศ จำนวน 180,000 ราย และคาดว่าจะสามารถขยายฐานสมาชิกที่ทวีคูณเพิ่มมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม จากแนวโน้มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น สอดรับกับทิศทางการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ปรับมา ประกอบกับแผนการวางกลยุทธ์ของบริษัทฯที่ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มสมาชิกและผู้บริโภค ส่งผลให้บริษัทฯ คาดว่าผลการดำเนินงานในปี 2565 มีโอกาสเติบโตเพิ่มขึ้น 20 % เมื่อเทียบจากปี 2564 ตามเป้าหมายที่บริษัทฯวางไว้

ในช่วงครึ่งปีแรก 2565 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีรายได้รวมจากการขายสินค้าและการบริการที่ 556.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ที่มีรายได้จากการขายสินค้าและการบริการ 529.6 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิที่ 92.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.8 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ที่มีกำไรสุทธิ 88.6 ล้านบาท จากการเติบโตของยอดขายในกลุ่มสินค้าเพื่อการเกษตร เนื่องจากกลุ่มลูกค้าที่ใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อการเกษตรของบริษัทฯ ให้การยอมรับและบอกต่อในตัวผลิตภัณฑ์มากขึ้น

ประกอบกับภาวะราคาปุ๋ยที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้สินค้าเพื่อการเกษตรของบริษัทฯ สามารถเข้าทำตลาดและได้รับความสนใจจากลูกค้ามากขึ้น นอกจากนี้ บริษัทฯ สามารถจัดกิจกรรมทางการตลาดในรูปแบบออนไลน์ ที่มีประสิทธิภาพ และสามารถกระตุ้นการบริโภค ซึ่งจากผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกสะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตของ “ซัคเซสมอร์” ได้อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นแผนการเดินเกมรุกในครึ่งปีหลัง ยิ่งเป็นการตอกย้ำให้เห็นศักยภาพความแข็งแกร่งทางธุรกิจที่จะต่อยอดไปถึงการเติบโตแบบก้าวกระโดดอย่างมีนัยสำคัญ” นายนพกฤษฏิ์ กล่าว

Back to top button