มาแน่! สรรพสามิตเตรียมศึกษาจัดเก็บ “ภาษีคาร์บอน” ปี 66

"อธิบดีกรมสรรพสามิต" เตรียมเดินหน้าศึกษาการจัดเก็บภาษีคาร์บอนตามเทรนด์โลก คาดได้ผลการศึกษาในปี 2566 โดยมี 5 อุตสาหกรรมเป็นกลุ่มเป้าหมาย


นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ในปีงบประมาณ 2566 กรมสรรพสามิตเตรียมศึกษาแนวทางการจัดเก็บภาษีคาร์บอน (Carbon TAX) ซึ่งเป็น 1 ในเทรนด์ที่ท้าทายต่อสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่จะส่งผลต่อการดำเนินงานของกรมสรรพสามิต หลังจากที่ทั่วโลกต่างเผชิญกับปัญหาภาวะโลกร้อน ส่งผลกระทบจนทำให้ทุกประเทศต้องให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมโดยใช้มาตรการทางภาษีเป็นตัวขับเคลื่อน

นอกจากนี้ แนวทางดังกล่าวยังเป็นการสนับสนุนเป้าหมายของประเทศไทยในการเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี 2593 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ภายในปี 2608

โดยเบื้องต้น กรมสรรพสามิตมีแนวทางในการสนับสนุนการนำเอทานอลบริสุทธิ์มาใช้ในการผลิตพลาสติกชีวภาพ (Bio Plastic) เชื้อเพลิงชีวภาพอากาศยาน (Bio Jet) ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดขึ้น ตั้งแต่ขั้นตอนการผลิตสินค้า และช่วยส่งเสริมให้มีการใช้วัตถุดิบทางการเกษตรเพิ่มขึ้นอีกด้วย

สำหรับหลักการในการจัดเก็บภาษีคาร์บอนนั้น กรมสรรพสามิตจะต้องศึกษาให้ชัดเจน โดยเฉพาะประเทศที่มีการนำมาใช้แล้ว เช่น กลุ่มประเทศยุโรป ที่มีการจัดเก็บภาษีคาร์บอนในอุตสาหกรรม 5 ประเภท คือ 1.ปูน 2.เหล็ก 3.อลูมิเนียม 4.ปุ๋ย และ 5.ไฟฟ้า ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานโลก และการจัดเก็บก็ทำได้ 2 รูปแบบ คือ การคำนวนจากสินค้าหน้าโรงงาน บริษัทใดผลิตออกมามาก ก็เก็บมาก และการคำนวนจากกระบวนการผลิต ต้นน้ำ-ปลายน้ำ ซึ่งจะต้องร่วมมือกับองค์การบริหารก๊าซเรือนกระจก ว่าจะมีแนวปฏิบัติอย่างไร คาดว่าจะได้เห็นผลการศึกษาออกมาในปีงบประมาณ 2566

“ในปีงบประมาณ 2566 กรมสรรพสามิต ตั้งเป้าหมายการจัดเก็บรายได้ที่ 560,700ล้านบาท แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลไปบ้าง แต่ก็เป็นผลระยะสั้น ดังนั้น สิ่งที่จะมาช่วยเรื่องรายได้ คือฐานภาษีใหม่ๆ โดยเฉพาะภาษีสิ่งแวดล้อม” นายเอกนิติ กล่าว

Back to top button