“ดาวฟิวเจอร์” ร่วงกว่า 100 จุด นลท.จับตาผลเลือกตั้ง-ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ

"ดาวโจนส์ฟิวเจอร์" ร่วงกว่า 100 จุด นักลงทุนจับตาผลเลือกตั้งกลางเทอม-ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ โดย ณ เวลา 19.22 น. ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ลบ 118 จุด หรือ 0.36% สู่ระดับ 33,057 จุด


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(9 พ.ย.65) ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงกว่า 100 จุด ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการเลือกตั้งกลางเทอม และตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐ โดย ณ เวลา 19.22 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ลบ 118 จุด หรือ 0.36% สู่ระดับ 33,057 จุด

ด้านราคาหุ้นบริษัทเมตา แพลตฟอร์มส์ ซึ่งบริษัทแม่ของเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม พุ่งขึ้นกว่า 4% ในการซื้อขายก่อนเปิดตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในวันนี้ หลังบริษัทประกาศปลดพนักงานครั้งใหญ่

ทั้งนี้ เมตาประกาศปลดพนักงานมากกว่า 11,000 คนในวันนี้ หรือคิดเป็น 13% ของจำนวนพนักงานทั้งหมดมากกว่า 87,000 คน

โดยการประกาศปลดพนักงานดังกล่าว ถือเป็นการปรับลดตำแหน่งงานมากที่สุดในประวัติศาสตร์ 18 ปีของเมตา ซึ่งมีชื่อเดิมว่าเฟซบุ๊ก ขณะที่บริษัทเผชิญกับค่าใช้จ่ายที่พุ่งขึ้น แต่มีรายได้จากการโฆษณาลดลง

เมตาเปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า บริษัทมีกำไรต่ำกว่าคาดในไตรมาส 3 ขณะที่ขาดทุนจากธุรกิจเมตาเวิร์สมากถึง 9.4 พันล้านดอลลาร์ หรือกว่า 346,000 ล้านบาทนับตั้งแต่ต้นปีนี้

สำนักข่าว CNN รายงานว่า ผลการนับคะแนนการเลือกตั้งกลางเทอมล่าสุด พบว่า พรรครีพับลิกันและเดโมแครตต่างก็ได้ที่นั่งในวุฒิสภาเท่ากันที่ 48:48 จากจำนวนทั้งหมด 100 ที่นั่ง โดยทั้งสองพรรคต้องการได้มากกว่า 50 ที่นั่งจึงจะครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา

อย่างไรก็ดี หากพรรคเดโมแครตได้ที่นั่งเพียง 50 ที่นั่งในวุฒิสภา ก็ยังอยู่ในสถานะที่ได้เปรียบกว่าพรรครีพับลิกัน เนื่องจากหากมีการลงมติในร่างกฎหมายใดๆแล้วพบว่ามีคะแนนเสียงเท่ากัน 50:50 นางคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งสังกัดพรรคเดโมแครต สามารถลงคะแนนเสียงชี้ขาดในฐานะประธานวุฒิสภา

ส่วนในสภาผู้แทนราษฎร สำนักข่าว CNN รายงานว่า ผลการนับคะแนนล่าสุด พบว่า พรรครีพับลิกันสามารถคว้าที่นั่งมากกว่าพรรคเดโมแครต โดยอยู่ที่ 199:178 จากจำนวนทั้งสิ้น 435 ที่นั่ง โดยพรรคที่ได้ 218 ที่นั่งจะครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร

กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ประจำเดือนต.ค.ในวันพรุ่งนี้

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตัวเลข CPI ดังกล่าวจะบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อของสหรัฐได้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว

ทั้งนี้ ผลการสำรวจนักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 6.5% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี โดยชะลอตัวจากระดับ 6.6% ในเดือนก.ย.

เมื่อเทียบรายเดือน คาดว่าดัชนี CPI พื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.5% ในเดือนต.ค. จากระดับ 0.6% ในเดือนก.ย.

Back to top button