ธปท. คาด GDP ไตรมาส 3 โตกว่า 3% มองเงินบาท-ทุนเคลื่อนย้ายยังปกติ

ธปท. คาด GDP ไตรมาส 3/65 โตกว่า 3% มองเงินบาท-ทุนเคลื่อนย้ายยังปกติ ไม่กระทบต่อเสถียรภาพโดยรวม ส่วนทั้งปี 65 คาดเศรษฐกิจขยายตัว 3.3%


นายปิติ ดิษยทัต ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. เปิดเผยว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในไตรมาส 3/65 คาดจะเติบโตได้มากกว่า 3% ขณะที่การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท และเงินทุนเคลื่อนย้ายในช่วงนี้ ถือว่ายังปกติ และไม่กระทบต่อเสถียรภาพโดยรวม

นอกจากนี้ได้ชี้แจงกับนักลงทุนในการประชุมสุดยอดผู้นำธุรกิจ “Bloomberg Business Summit at APEC” ว่า แนวโน้มเศรษฐกิจในระยะข้างหน้ายังเป็นไปตามที่ ธปท. คาดการณ์ไว้ แม้ว่าจะมีความเป็นห่วงในเรื่องของเศรษฐกิจโลกที่มีพัฒนาการชะลอตัวลง แต่ภาพรวมก็ไม่ได้กระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยมากนัก ซึ่งเศรษฐกิจไทยปีนี้ยังมีแรงส่งในเรื่องภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคในประเทศ ไม่ได้มาจากปัจจัยต่างประเทศมากนัก จึงยังมีแรงทนทานต่อเศรษฐกิจโลก ส่วนปีหน้าก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ทั้งนี้ คาดว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3/65 ที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ จะประกาศในวันที่ 21 พ.ย. นี้ เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 3% เป็นการเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2/65 ที่ 2.5% และไตรมาส 1/65 ที่ 2.2% ซึ่งสอดคล้องกับประมาณการของ ธปท. ทั้งปีนี้ที่คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวได้ 3.3%

ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือน ต.ค.65 ยังเป็นไปตามที่ ธปท.คาดการณ์ หลังจากที่ขึ้นไปสูงสุดในเดือน ส.ค.65 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานนั้น โดยธรรมชาติก็จะปรับตัวตามอัตราเงินเฟ้อทั่วไป โดยคาดว่าจะขึ้นไปถึงจุดสูงสุดในช่วงปลายปีนี้-ต้นปีหน้า

อย่างไรก็ดี แม้อัตราเงินเฟ้อจะเริ่มชะลอตัวลงแล้ว แต่ก็ยังไม่เบาใจ และอย่างน้อยก็ถือว่ายังไม่มีปัจจัยอะไรที่ผิดไปจากที่คาดการณ์ จนต้องมาทบทวนแนวโน้มเศรษฐกิจใหม่อีกครั้ง

นายปิติ กล่าวอีกว่า ในส่วนของการเปลี่ยนแปลงของค่าเงินบาทในช่วงที่ผ่านมานั้น ยืนยันว่าการเคลื่อนไหวของค่าเงินไม่กระทบกับเสถียรภาพเศรษฐกิจโดยรวมมากนัก ซึ่งค่าเงินที่แข็งขึ้นในระยะที่ผ่านมา อยู่ที่ว่าดูตรงจุดไหน ถ้ามองตั้งแต่ต้นปี จะพบว่าค่าเงินยังอ่อนค่า 7% แต่ในระยะสั้น เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเป็นไปตามการเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ยังไม่พบความผิดปกติของการเปลี่ยนแปลงค่าเงิน

สำหรับการเคลื่อนย้ายเงินทุนยังอยู่ในภาวะปกติ ทั้งตลาดการเงินและตลาดทุน ซึ่งที่ผ่านมา เป็นการเข้ามาของเงินทุนในระยะสั้นผ่านตลาดหุ้น แต่ก็เป็นเรื่องปกติ เป็นธรรมชาติของนักลงทุนที่จะเลือกลงทุนในประเทศที่สนใจและมีพื้นฐานเศรษฐกิจที่ดี แต่ในภาพรวมก็ไม่ได้มีปัญหา ค่าเงินยังอยู่ในระดับที่เหมาะสม ไม่ได้เป็นการสร้างผลกระทบกับการขยายตัวของเศรษฐกิจ

“ธปท.ไม่ได้เบาใจเรื่องค่าเงิน มีการจับตาโดยตลอด ซึ่งก็ไม่อยากให้เห็นค่าเงินมีความผันผวนมาก เป็นไปตามแนวนโยบายที่วางไว้ โดยการเคลื่อนไหวของค่าเงินในช่วงที่ผ่านมาถือว่ายังอยู่ในขอบเขต” นายปิติ กล่าว

นายปิติ กล่าวอีกว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะมีการพิจารณาทบทวนการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย ปี 65 รอบใหม่ ในวันที่ 30 พ.ย.นี้ ซึ่งจากการพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก ยังมีทิศทางที่ดีจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น

ส่วน กนง.จะตัดสินใจหยุดขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายหรือไม่นั้น ต้องขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจปี 66 ถ้าเศรษฐกิจอิ่มตัว อัตราเงินเฟ้อกลับมาก็จะมาดูแนวนโยบายว่าเป็นอย่างไร แต่ตอนนี้เศรษฐกิจไทยยังอยู่ในช่วงของการฟื้นตัว การทำนโยบายการเงิน จึงยังต้องเป็นไปตามทิศทางเดิมที่วางไว้

Back to top button