BCP ตั้งเป้าปี 66 EBITDA โตต่อ วางงบกว่า 4.5 หมื่นลบ. เดินหน้าขยายธุรกิจ

BCP ตั้งเป้าปี 66 EBITDA โตต่อเนื่อง วางงบลงทุนกว่า 4.5 หมื่นลบ. ขยายลงทุนแหล่งปิโตรเลียมประเทศนอร์เวย์ โรงกลั่น รวมถึงจำหน่ายเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน


นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ากำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อม (EBITDA) ปี 66 เติบโตต่อเนื่องจากปีนี้ โดยมีปัจจัยหนุนมาจากการขยายตัว บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG ที่จะมีการขยายการลงทุนในโรงไฟฟ้ามากขึ้น ประกอบกับกลุ่มบริษัท OKEA ASA มีการขยายกำลังการผลิตประมาณ 40% ซึ่งจะทำให้บริษัทรับรู้รายได้และ EBITDA เข้ามาเต็มปี รวมถึงราคาขายก๊าซธรรมชาติ (Gas Price) ของ OKEA ASA ที่คาดว่าจะยังอยู่ในระดับที่สูง

นอกจากนี้คาดว่าธุรกิจของ บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ BBGI จะฟื้นตัวกลับมา หลังจากผ่านจุดต่ำสุดในปีนี้ไปแล้ว

ทั้งนี้บริษัทวางงบลงทุนปี 66 อยู่ที่ประมาณ 45,600 ล้านบาท หลักๆ จะใช้ลงทุนในธุรกิจพลังงานของ BCPG ประมาณ 30,000 ล้านบาท ลงทุนในแหล่งปิโตรเลียมในประเทศนอร์เวย์ของกลุ่มบริษัท OKEA ASA ประมาณ 5,000 ล้านบาท และใช้ลงทุนในกลุ่มธุรกิจโรงกลั่น อาทิ การปรับปรุงโรงกลั่นและเริ่มสร้างโรงงานผลิต รวมถึงจำหน่ายเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF) ประมาณ 6,000 ล้านบาท

ส่วนด้านกลุ่มธุรกิจการตลาดจะใช้ขยายสถานีบริการน้ำมันราว 2,000 ล้านบาท และส่วนที่เหลือประมาณ 2,600 ล้านบาท จะใช้สำหรับการลงทุนของ BBGI และธุรกิจใหม่

สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 4/65 คาดเติบโตต่อเนื่อง จากเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ ทั้งในแง่ของกำลังการผลิต การท่องเที่ยว และการบริโภคของประชาชนที่มีความต้องการใช้เครื่องบิน หรือขับรถเพิ่มสูงขึ้นเห็นได้จากตัวเลขยอดขายน้ำมันในสถานีให้บริการน้ำมันบางจากในเดือนพ.ย. ก็ปรับตัวสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง และค่าการกลั่นก็ยังทรงตัวจากช่วงไตรมาส 3/65 จึงคาดว่าตัวเลขที่ออกมาน่าจะค่อนข้างดี

อย่างไรก็ตามต้องติดตามทิศทางราคาน้ำมันว่าจะสูงขึ้นหรือต่ำลง โดยไตรมาส 3/65 ที่อยู่ 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และไตรมาส 4/65 จะอยู่ที่ระดับ 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หากสิ้นปีนี้อยู่ในระดับดังกล่าวก็อาจมีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันนิดหน่อย

ส่วนผลประกอบการรวมปี 65 บริษัทคาดว่าจะมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อม (EBITDA) เติบโตกว่า 1 เท่าตัว จากปีก่อนที่มี EBITDA อยู่ราว 3 หมื่นกว่าล้านบาท หลังจากในช่วง 9 เดือนของปีนี้บริษัทสามารถทำ EBITDA ได้แล้วเกือบ 4 หมื่นล้านบาท

Back to top button