“ดาวโจนส์” รีบาวด์ หลังบอนด์ยีลด์ “สหรัฐ” ลดช่วงบวก

“ดาวโจนส์” รีบาวด์ จากตลาดหุ้นสหรัฐฟื้นตัวขึ้นได้หลังจากร่วงแตะระดับต่ำสุดของวัน หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวลงจากระดับสูงในช่วงเช้า


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยในวันศุกร์ (2 ธ.ค.65) โดยดีดตัวขึ้นหลังจากร่วงลงแตะระดับต่ำสุดของวัน เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า การเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐที่พุ่งเกินคาดในเดือนพ.ย. จะเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังคงเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,429.88 จุด เพิ่มขึ้น 34.87 จุด หรือ +0.10%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,071.70 จุด ลดลง 4.87 จุด หรือ -0.12% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,461.50 จุด ลดลง 20.95 จุด หรือ -0.18%

ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 0.24%, ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 1.13% และดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 2.1%

โดยตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงหลังการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่เพิ่มขึ้นมากเกินคาด โดยข้อมูลดังกล่าวถือเป็นตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญตัวสุดท้าย ก่อนที่เฟดจะจัดการประชุมนโยบายการเงินครั้งสุดท้ายของปีนี้ในวันที่ 13-14 ธ.ค.นี้

สำหรับกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 263,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 200,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานทรงตัวระดับ 3.7% สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

ขณะเดียวกัน ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน ดีดตัวขึ้น 0.6% เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 0.3% และเพิ่มขึ้น 5.1% เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 4.6% โดยตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงนับเป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นสหรัฐฟื้นตัวขึ้นได้หลังจากร่วงแตะระดับต่ำสุดของวัน โดยดัชนีดาวโจนส์สามารถพลิกกลับมายืนปิดตลาดอยู่ในแดนบวก ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ลดลงเล็กน้อย

ส่วนหุ้นกลุ่มเติบโตและกลุ่มเทคโนโลยี อาทิ แอปเปิ้ล อิงค์ ลดลง 0.34% และหุ้นแอมะซอน ลดลง 1.43% โดยยังคงถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น แต่หุ้นกลุ่มดังกล่าวได้ลดช่วงติดลบลง เมื่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวลงจากระดับสูงในช่วงเช้า

อีกทั้งหุ้นกลุ่มเติบโตในดัชนี S&P500 ลดลง 0.29% ขณะที่กลุ่มเทคโนโลยี ร่วงลง 0.55% โดยเป็นกลุ่มที่ปรับตัวลงมากที่สุดในบรรดาหุ้น 11 กลุ่มของดัชนี S&P500

ส่วนหุ้นรายตัว อาทิ หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ ลดลง 1.56% หลังเปิดเผยยอดขายรถยนต์ลดลงในเดือนพ.ย. ขณะที่หุ้นดอร์แดช อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทบริการรับส่งอาหาร ร่วง 3.38% หลังอาร์บีซีปรับลดอันดับความน่าลงทุนของหุ้นตัวนี้

Back to top button